ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร? รวมวิธีดูแลตัวเองให้หายไว
จำนวนผู้เข้าชม : 14
ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร ดูแลอย่างไรให้หายเร็ว
การเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B อาจทำให้หลายคนรู้สึกอ่อนเพลียและใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่เต็มที่ นอกจากการพักผ่อนและการทานยาตามอาการแล้ว การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหรือช้าลงได้เช่นกัน วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้แล้วว่า เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไรบ้าง พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองและอาหารที่ควรทานเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
ทำความรู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B (Influenza B Virus) คือ เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกับสายพันธุ์ A แต่โดยทั่วไปมักมีความรุนแรงน้อยกว่าและไม่ค่อยเกิดการระบาดเป็นวงกว้างเท่า อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสชนิดนี้ยังคงทำให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นด่านแรกของการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง
อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ที่ต้องสังเกต
เมื่อได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย อาการมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป โดยสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่พบบ่อยได้ดังนี้
- มีไข้สูงลอย มักมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป อาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่กำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัส
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง อาการปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณหลัง แขน และขา เป็นหนึ่งในอาการเด่นชัดที่ทำให้รู้สึกทรมานและอ่อนเพลียมาก
- ปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะมักเกิดขึ้นร่วมกับอาการไข้สูง อาจมีอาการปวดกระบอกตาร่วมด้วยได้
- อ่อนเพลียอย่างมาก รู้สึกไม่มีแรง หมดแรง ไม่อยากทำอะไร เป็นอาการที่เด่นชัดและอาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์แม้ไข้จะลดลงแล้ว
- ไอแห้งและเจ็บคอ มีอาการไอต่อเนื่องแบบไม่มีเสมหะ รู้สึกระคายเคืองและเจ็บคอ
- คัดจมูก มีน้ำมูก แม้อาการทางจมูกจะไม่เด่นเท่าไข้หวัดธรรมดา แต่ก็สามารถพบได้เช่นกัน
ต่างจากไข้หวัดใหญ่ A และไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?
หลายคนมักสับสนระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A, B และไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) ซึ่งความแตกต่างหลักอยู่ที่ชนิดของเชื้อไวรัสและความรุนแรงของอาการ การทำความเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้ประเมินสถานการณ์และดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B มีอาการโดยรวมที่คล้ายคลึงกันมาก เช่น มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง และอ่อนเพลีย แต่สายพันธุ์ A มีความสามารถในการกลายพันธุ์สูงกว่า ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ (Pandemic) ได้ทั่วโลก และมักมีอาการรุนแรงกว่า ในขณะที่สายพันธุ์ B มักเป็นการระบาดตามฤดูกาลและอาการไม่รุนแรงเท่า แต่ก็ยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
- ส่วนไข้หวัดธรรมดาเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มอื่น เช่น ไรโนไวรัส (Rhinovirus) อาการจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฉับพลันเท่าไข้หวัดใหญ่ โดยจะเน้นไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนเป็นหลัก เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอเล็กน้อย และมีไข้ต่ำ ๆ ไม่ค่อยพบอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรงหรืออ่อนเพลียอย่างหนักเหมือนไข้หวัดใหญ่ การแยกแยะอาการเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไรบ้าง
เมื่อร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัส การเลือกทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจกลายเป็นภาระ ทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นและฟื้นตัวได้ช้าลง นี่คือรายการอาหารที่คนป่วยควรรู้ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงอาการที่อาจแย่ลง
กลุ่มที่ 1 อาหารไขมันสูงและของทอด
อาหารกลุ่มนี้ใช้พลังงานในการย่อยสูงและอาจกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงเมนูเหล่านี้ไปก่อน
- ไก่ทอด, หมูทอด, เฟรนช์ฟรายส์ อาหารทอดอมน้ำมันเป็นภาระต่อระบบย่อยอาหาร และอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือคลื่นไส้มากขึ้น
- อาหารที่มีกะทิเข้มข้น เช่น แกงเขียวหวาน หรือแกงกะทิอื่น ๆ ไขมันอิ่มตัวในกะทิอาจย่อยยากสำหรับคนที่กำลังป่วย
- ขนมเบเกอรี่ เช่น เค้ก, คุกกี้, โดนัท ที่มีส่วนผสมของเนยและมาการีนในปริมาณมาก
กลุ่มที่ 2 อาหารรสจัดจ้าน
แม้บางครั้งจะรู้สึกเบื่ออาหาร แต่การทานอาหารรสจัดเพื่อกระตุ้นการรับรสอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
- ส้มตำ, ยำรสเผ็ด ความเผ็ดร้อนจากพริกอาจไปกระตุ้นและสร้างความระคายเคืองให้กับเยื่อบุในลำคอที่กำลังอักเสบ ทำให้ไอและเจ็บคอมากขึ้น
- ต้มยำ, แกงเผ็ด นอกจากความเผ็ดแล้ว ความเค็มจัดจากเครื่องปรุงยังอาจทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากขึ้น เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำได้
- อาหารหมักดอง เช่น ผักกาดดอง, มะม่วงดอง มีโซเดียมสูงและอาจมีสารที่กระตุ้นการอักเสบได้
กลุ่มที่ 3 ขนมหวานและน้ำตาล
น้ำตาลคืออาหารชั้นดีของเชื้อโรคและยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
- น้ำอัดลมและน้ำหวาน ปริมาณน้ำตาลที่สูงมากในเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถกดการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นทหารเอกในการต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงชั่วคราว
- ขนมหวานต่าง ๆ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ลูกอม ช็อกโกแลต มีแต่น้ำตาลที่ให้พลังงานว่างเปล่า แต่ไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูร่างกาย
- ไอศกรีม แม้จะเย็นชื่นใจ แต่ปริมาณน้ำตาลและไขมันที่สูงอาจไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของร่างกาย
กลุ่มที่ 4 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
เครื่องดื่มกลุ่มนี้ส่งผลโดยตรงต่อระดับน้ำในร่างกายและการพักผ่อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงที่ป่วย
- เบียร์, ไวน์, สุรา แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นและเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ อีกทั้งยังรบกวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
- กาแฟ, ชา, เครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนอาจรบกวนวงจรการนอนหลับ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อน ๆ เช่นกัน
กลุ่มที่ 5 อาหารแปรรูป
อาหารกลุ่มนี้มักมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ แต่เต็มไปด้วยโซเดียมและสารปรุงแต่งที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีโซเดียมสูงมากและสารอาหารน้อย ไม่เหมาะกับร่างกายที่ต้องการสารอาหารดี ๆ เพื่อไปซ่อมแซมตัวเอง
- ไส้กรอก, แฮม, โบโลน่า เนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้มีโซเดียมและไขมันสูง อาจมีสารกันบูดที่ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดออกไป
- อาหารแช่แข็งสำเร็จรูป มักมีโซเดียมและสารปรุงแต่งในปริมาณสูงเพื่อรักษารสชาติและอายุการเก็บรักษา
อาหารเสริมกำลังสำหรับคนป่วย ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว
หลังจากได้รู้แล้วว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร ก็ถึงเวลามาดูรายการอาหารที่ควรทานเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การเลือกทานอาหารที่ถูกต้องเปรียบเสมือนการส่งเสบียงชั้นดีให้กับกองทัพภูมิคุ้มกันของเรา
ดื่มน้ำเปล่าและเครื่องดื่มเกลือแร่
การรักษาภาวะร่างกายไม่ให้ขาดน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะภาวะไข้สูงทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ควรดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่นบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยลดไข้ ทำให้เสมหะไม่เหนียวข้น และช่วยให้เลือดไหลเวียนนำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น หากมีอาการอ่อนเพลียหรือท้องเสียร่วมด้วย การดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไปก็เป็นทางเลือกที่ดี
ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
ร่างกายควรสงวนพลังงานไว้ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคให้ได้มากที่สุด แทนที่จะใช้ไปกับการย่อยอาหารหนัก ๆ การเลือกทานอาหารอ่อน ๆ ที่มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนจึงเหมาะสมที่สุด เมนูแนะนำคือ ข้าวต้มปลา, โจ๊กหมูใส่ไข่, หรือซุปไก่ร้อน ๆ ซึ่งนอกจากจะย่อยง่ายแล้ว ความร้อนจากซุปยังช่วยให้รู้สึกโล่งจมูกและชุ่มคออีกด้วย
เสริมทัพด้วยผักและผลไม้วิตามินซีสูง
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมและมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ควรทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม, ฝรั่ง, มะละกอ, กีวี, พริกหวาน และบรอกโคลี อาจทำเป็นน้ำผลไม้คั้นสดไม่เติมน้ำตาลเพื่อความสดชื่นและดื่มง่ายก็ได้เช่นกัน การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจะช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาการป่วยลงได้
โปรตีนคุณภาพดีช่วยซ่อมแซมร่างกาย
โปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ควรเลือกทานโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา, เนื้ออกไก่ (ในซุปหรือข้าวต้ม), ไข่ต้ม, และเต้าหู้อ่อน การทานโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายไม่โทรมและฟื้นตัวจากความอ่อนเพลียได้เร็วขึ้น
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ให้หายเร็วขึ้น
นอกจากการใส่ใจเรื่องอาหารการกินแล้ว การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องก็เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายเอาชนะเชื้อไวรัสและกลับมาแข็งแรงได้ไวขึ้น ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้
- พักผ่อนให้มากที่สุด การนอนหลับคือช่วงเวลาที่ร่างกายจะซ่อมแซมและสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด ควรหยุดงาน หยุดเรียน และงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงทั้งหมด เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่
- แยกของใช้และป้องกันการแพร่เชื้อ ไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม ควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น แยกของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม และล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
- ใช้ยารักษาตามอาการ สามารถทานยาลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้สูง (ควรทานห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง) และอาจใช้ยาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ไอ หรือยาลดน้ำมูก แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ
- สังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด หากทานยาแล้วไข้ไม่ลดภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการแย่ลง เช่น หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สรุปบทความ
การรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ต้องอาศัยความเข้าใจทั้งในเรื่องการดูแลตัวเองและการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามดังที่กล่าวมาและหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดภาระของร่างกาย ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด การมีประกันภัยสุขภาพจาก TIPINSURE ติดตัวไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจ หมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะต้องนอนโรงพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมา ให้คุณได้โฟกัสกับการพักฟื้นได้อย่างเต็มที่