มีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยๆต้องระวัง เสี่ยงเป็นได้หลายโรคร้าย!
จำนวนผู้เข้าชม : 75
อาการเจ็บหน้าอก ภาวะเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้าเจออาการเจ็บหน้าอกตอนแรก ๆ หลายคนคงต้องเริ่มคิดแล้วว่านี่เป็นสัญญาณโรคหัวใจหรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเกิดอาการเจ็บหน้าอกขึ้นมา มักมีปัจจัยได้จากหลายเหตุผล ทำให้คุณมีภาวะเสี่ยงนอกเหนือจากโรคหัวใจอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งลักษณะอาการเจ็บหน้าอกที่พบได้บ่อยกับโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับจะมีอะไรบ้าง TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลมาสรุปให้ดังหัวข้อในบทความนี้แล้ว
ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกที่พบได้บ่อยๆ
ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกที่พบได้บ่อย จะมีดังนี้
- เจ็บแบบปวดแน่น รู้สึกหนักบนหน้าอกเหมือนถูกอะไรวางทับ
- เจ็บแบบที่รู้สึกเจ็บได้ชัดเจนว่าตรงส่วนไหน หากมีการบิดหรือเอี้ยวตัวจะมีความรู้สึกเจ็บแปลบมากขึ้นกว่าเดิม
- เจ็บแปลบที่หน้าอกแต่รู้สึกได้ไม่ชัดเจนว่าความเจ็บเกิดขึ้นมาจากจุดไหน
- เจ็บเสียดเหมือนถูกอะไรแทง เจ็บรุนแรงขึ้นมาแบบกะทันหัน
- เจ็บหน้าอกที่รู้สึกแบบอาการจุก แน่น หรือเจ็บเสียดขึ้นมา
อาการเจ็บหน้าอกเกิดจากโรคอะไรได้บ้าง
อาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้น มีความเสี่ยงหลักอยู่ 5 โรคด้วยกัน คือ โรคกรดไหลย้อน โรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และอาการกล้ามเนื้อหน้าอกฉีก โดยรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคทั้งหมดที่กล่าวมามีดังนี้
1. โรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นจากการที่กระเพาะอาหาร ดันกรดกลับขึ้นในหลอดอาหารซึ่งเชื่อมต่อระหว่างคอกับกระเพาะ พอกรดกระเพาะไหลย้อนขึ้นไป ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกหรือแสบร้อนกลางอกได้ ถ้าหากมีอาการดังกล่าวเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แปลว่าคุณอาจมีโรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นกับร่างกายแล้ว ควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นอาการที่รุนแรงมากขึ้น หรือต่อยอดกลายเป็นโรคมะเร็งที่ร้ายแรงได้เช่นกัน
2. โรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด
โรคลิ่มเลือดอุดตันในปอด มักมีอาการเริ่มต้นจากการเหนื่อยหอบที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากลิ่มเลือดที่อุดตันบริเวณหลอดเลือดขาเป็นหลอดเลือดเชื่อมกับหัวใจข้างขวาและปอด จากนั้นจึงมีการหลุดไปอุดตันที่ปอด ซึ่งถ้าเกิดภาวะนี้ขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน อาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย และโรคนี้ควรได้รับการวินิจฉัยพร้อมรับการรักษาจากแพทย์โดยตรงเท่านั้น
3. โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจตาย เพราะได้รับปริมาณออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหรืออึดอัด รวมถึงการปวดเมื่อยหัวไหล่ ปวดกราม ไปจนถึงอาการจุกบริเวณลิ้นปี่ได้เช่นกัน การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ เริ่มต้นได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และตรวจสภาพหัวใจประจำปี เพื่อให้แพทย์แนะนำการดูแลตัวเองเพิ่มเติม
4. โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เกิดจากการอักเสบในชั้นเนื้อเยื่อรอบหัวใจ ที่จะทำให้คุณมีอาการเจ็บหน้าอกแบบเจ็บแปลบขึ้นมา แม้ว่าโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบอาจไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก ก็ยังควรได้รับการตรวจสอบและวินิจฉัยจากแพทย์เพิ่มเติม เพื่อให้คุณได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
5. อาการกล้ามเนื้อหน้าอกฉีก
อาการกล้ามเนื้อหน้าอกฉีก มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อยจากการเล่นกีฬา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องมีการซ้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการใช้งานกล้ามเนื้อหนักหน่วง และถ้าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อาจเกิดได้ซ้ำ รวมถึงปวดเรื้อรังได้
แนวทางการวินิจฉัยโรค
การตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บหน้าอกนั้นทำได้หลายรูปแบบ เช่น ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ตรวจเลือด, เอกซเรย์ทรวงอก, ตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง และ ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งการตรวจแต่ละแบบจะมีเหตุผลที่ต่างกันออกไป
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ : เพื่อเช็กอัตราการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
- ตรวจเลือด : เพื่อตรวจวัดเอนไซม์การทำงานของหัวใจ
- เอกซเรย์ทรวงอก : เพื่อเช็กขนาด รูปร่าง สภาพหัวใจ รวมถึงปอด และหลอดเลือดด้วย
- ตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง : เพื่อตรวจดูการทำงานของหัวใจโดยรวม
- ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) : เพื่อดูว่ามีลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงของปอด หรือผนังหลอดเลือดแดงใหญ่มีการปริตัว จนแยกชั้นออกจากกันหรือไม่
สรุปบทความ
สรุปแล้วอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมกับวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งจากแนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคที่กล่าวไป บางครั้งต้องตรวจหลายวิธีเพื่อที่จะได้ทราบสาเหตุที่แท้จริง จึงมีโอกาสทำให้คุณต้องเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายที่บานปลาย ดังนั้นการเลือกทำประกันสุขภาพเผื่อเอาไว้ จะช่วยสร้างความอุ่นใจทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา หากต้องเป็นผู้ป่วยในก็จะมีการดูแลเพิ่มเติมอย่างรอบด้าน ถ้าสนใจอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อหา TIPINSURE ได้เลยที่เบอร์ 1736