7 เคล็ดลับเลือกกินอาหารต้านมะเร็ง เริ่มต้นง่าย ๆ ตั้งแต่วันนี้
จำนวนผู้เข้าชม : 399
เคล็ดลับเลือกกินอาหารต้านมะเร็ง
มะเร็งเป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายในแต่ละปี แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารที่เรากินมีส่วนช่วยในการป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารต้านมะเร็งที่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งและปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย
7 เคล็ดลับในการเลือกกินอาหารต้านมะเร็ง
โดยทั่วไปแล้ว อาหารต้านมะเร็งมีหลากหลายชนิด ดังนั้น จึงมีเคล็ดลับในการเลือกกินอาหารต้านมะเร็งที่มีงานวิจัยรองรับว่ามีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้จริง ดังนี้
1. กินผัก ผลไม้เป็นประจำ
ผักและผลไม้ มีกากใยในปริมาณมาก เป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งสารเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ โดยผักและไม้ที่มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง ได้แก่
- ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี บรอกโคลี กะหล่ำดอก และคะน้า ผักเหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายและลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และราสเบอร์รี ผลไม้เหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้
- องุ่นแดง องุ่นแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าเรสเวอราทรอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและช่วยปกป้องหัวใจ
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม กวางตุ้ง
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต
2. กินธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี
ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี จะมีฤทธิ์เป็นกรดบิวไทริก ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด เป็นต้น
3. กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระ สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลไม้ ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ด เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอัลไซเมอร์
4. เครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร
เครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหาร มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการต้านมะเร็งและยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี โดยเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหารนั้นส่วนมากจะต้องมีฤทธิ์เผ็ดร้อน ได้แก่ พริกไทย อบเชย โรสแมรี่ กระเทียม ขิง หรือหัวหอม เป็นต้น
5. ลดการกินเนื้อแดง
อาหารที่ทำมาจากสัตว์เนื้อแดงที่ผ่านกรรมวิธีใช้ความร้อนสูงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปิ้ง ย่าง หรือทอด หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะก่อตัวให้เป็นเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ติดมัน เพราะเนื้อสัตว์ที่ติดมันเป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ซึ่งไขมันเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ โดยเนื้อสัตว์ที่ควรรับประทาน ได้แก่ เนื้อปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน และ เนื้อไก่ เนื้อหมูสันใน หรือเนื้อวัวสันนอก เป็นต้น
6. เลี่ยงอาหารหมักดองหรือปรุงแต่งสี
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนในการกระตุ้นเซลล์มะเร็งอย่างอาหารหมักดองหรือปรุงแต่งสี เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีสารก่อมะเร็งที่เรียกว่าสารไนโตรซามีน รวมถึงอาหารแปรรูปเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งหรือดัดแปลงมาจากอาหารธรรมชาติ โดยมักจะเติมสารปรุงแต่งรส สารกันบูด และสารเคมีอื่น ๆ ซึ่งสารเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้
7. ปรุงอาหารถูกวิธี
การปรุงอาหารอย่างถูกวิธีจะช่วยรักษาสารอาหารในอาหารต้านมะเร็งได้ ควรหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารที่ใช้อุณหภูมิสูงเกินไปและไม่ควรปรุงอาหารนานเกินไปเพราะอาจจะทำให้อาหารไหม้เกรียมได้ โดยอาหารไหม้เกรียมมีสารก่อมะเร็งที่เรียกว่าอะคริลาไมด์ ซึ่งสารนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไหม้เกรียม ควรปรุงอาหารด้วยไฟอ่อนถึงปานกลาง และหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารจนไหม้เกรียม
สรุปบทความ
การรับประทานอาหารต้านมะเร็งเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ แต่ไม่ใช่การรับประกันว่าจะไม่เกิดมะเร็ง ควรรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกันภัยโรคมะเร็งก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่มีความเสี่ยงของโรคนี้ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวถ้าหากต้องต่อสู้กับมะเร็งจริง ๆ