เกิดภัยธรรมชาติแล้วรถเสียต้องทำไง??
เมื่อดูจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติ ณ ปัจจุบัน นับตั้งแต่ต้นปี 2561 แต่ละประเทศเจอกับอุทกภัย , แผ่นดินไหว , พายุใต้ฝุ่น ฯลฯ สร้างความเสียหายและสูญเสียอย่างมาก เมืองไทยถึงจะไม่เจอกับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นโดยตรงแต่ก็ยังมีผลกระทบจากพายุที่มักจะถล่มหนักทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วมเมือง , น้ำป่าไหลหลาก ฯลฯ อย่างตอนเขื่อนแตกเมื่อกลางปี จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เองก็ได้รับผลกระทบมากมายเช่นกัน ด้านคนกรุงก็มีความวิตกและนึกถึงภาพน้ำท่วมกรุงครั้นเมื่อปี 2554 จะหวนกลับมา
ภัยธรรมชาติเหล่านี้ไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่เราก็สามารถที่จะเตรียมรับมือพร้อมป้องกันทรัพย์สินของตัวเองได้ อาทิเช่น รถยนต์ ทุกวันนี้รถทุกคันสามารถทำประกันที่คุ้มครองรถจากการเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงน้ำท่วมและสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันรถยนต์สำหรับผู้หญิง (TIP Lady) บริษัทฯ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้น อันมีสาเหตุจากภัยธรรมชาติต่างๆ ต่อรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องตกแต่งหรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ แต่ก่อนที่จะให้ประกันดูแล คุณก็สามารถดูแลเบื้องต้นก่อนได้ หากเกิดน้ำท่วมรถยนต์ระหว่างรอประกันมาทำเรื่องเคลม ดังนี้
1. เมื่อรู้ว่าน้ำจะท่วมรถ ถอดสายแบตเตอรี่รถยนต์ออกให้หมด หากเป็นไปได้ให้ยกแบตเตอรี่หนีน้ำได้ยิ่งดี เพื่อป้องกันน้ำที่ท่วมทำให้ประจุไฟในเเบตเตอรี่รั่วออกจนหมดและเมื่อน้ำลดอย่าเพิ่งต่อขั้วแบต เพราะน้ำที่ค้างอยู่ในรถอาจทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร หากต้องการเคลื่อนย้ายรถให้ใช้รถลากจูงแทน
2. ล้างรถให้สะอาด โดยการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถและซุ้มล้อเพื่อล้างเศษดินเศษทรายที่ตกค้างหรือติดอยู่ออกให้หมด
3. จัดการห้องโดยสารให้แห้ง เปิดประตูและหน้าต่างทุกบานให้ลมโกรก ถ้ามีแดดให้จอดตากแดดพร้อมนำพรมปูพื้น , เบาะต่างๆ ที่สามารถถอดได้มาซักหรือตากแดดนอกรถ เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นานจะเกิดกลิ่นเหม็นอับ และเกิดการสะสมของเชื้อรารวมถึงเชื้อโรคต่างๆ
4. เป่าลมไล่น้ำตามรถ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้าออกแล้วใช้ที่เป่าลมหรือไดร์เป่าผม เป่าทุกซอกทุกมุมในรถ ส่วนเบาะให้ใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้