แบตรถไฟฟ้าเสื่อมเร็วเพราะอะไร พร้อมแนะนำวิธีถนอมแบต

แบตรถไฟฟ้าเสื่อม ปัญหาที่คนใช้รถยนต์ EV ไม่อยากจะพบเจอ เพราะไม่เพียงจะเสียเวลาในการซ่อมบำรุงแล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นอีกด้วย อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ณ ปัจจุบันนี้ ราคาของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าถือว่าแพงในระดับที่ออกรถยนต์น้ำมันมือสองได้คันนึงเลยทีเดียว ดังนั้นเราต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงให้ดี โดยบทความนี้ TIPINSURE จึงอยากเอาเรื่องราวของแบตเตอรี่ไฟฟ้า พร้อมปัจจัยที่จะทำให้มันเสื่อมไวขึ้นมาบอกกัน 

ปัจจัยที่ทำให้แบตรถไฟฟ้าเสื่อมเร็ว

ใครที่อยากมีรถไฟฟ้าต้องรู้ไว้ ถ้าไม่อยากเสียเงินก้อนโตในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ต้องรู้ก่อนว่ามีปัจจัยไหนที่อาจทำให้การทำงานของมันมีปัญหาได้บ้าง ปัจจัยที่อาจทำให้แบตรถไฟฟ้าเสื่อมไวนั่นคือ

• การชาร์จแบตเตอรี่นานเกินไป 
• ปล่อยให้แบตอยู่ในโหมดต่ำที่สุด
• จอดรถไว้กลางแจ้งนานๆ 
• ชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าบ่อยเกินไปทั้ง ๆ ที่ปริมาณไฟฟ้ายังไม่ลดต่ำ

วิธีชาร์จแบตรถไฟฟ้าที่ถูกต้อง

หลังจากที่รู้กันแล้วว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้แบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสื่อมไวมีอะไรบ้าง หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับการชาร์จไฟฟ้าเกือบทั้งหมด โดย TIPINSURE จึงเอาเรื่องราวเกี่ยวกับการชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างถูกต้องมาบอกกัน

ไม่ต้องชาร์จจนเต็ม 100%

ฟังแล้วอาจจะดูแปลก แต่การชาร์ตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าให้เต็ม 100% เสมอนั้นเป็นการชาร์ตที่ไม่ถูกต้อง ควรรักษาระดับความจุไฟฟ้าเอาไว้ประมาณ 20-80% ทุกครั้ง ซึ่งเป็นความจุที่สอดคล้องกันจำนวนของลิเธียมไอออนในชั้นแกรไฟต์และลิเทียมโคบอลต์ออกไซด์ หรือถ้าให้แปลความหมายง่าย ๆ ก็คือการที่มีประจุไฟฟ้ามากไปจะทำให้เซลล์แบตเตอรี่มีความเครียด ส่งผลต่อสุขภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาวนั่นเอง

ห้ามปล่อยให้แบตเหลือต่ำกว่า 20%

ไม่ควรที่จะปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือไม่ถึง 20% หรือไม่ควรปล่อยให้แบตใกล้หมดบ่อย ๆ เพราะการปล่อยทิ้งไว้ให้แบตหมดทันทีหรือปล่อยทิ้งไว้จนหมดเองนั้นจะทำให้แบตเสื่อมอายุการใช้งานไวมากยิ่งขึ้น

เลี่ยงการจอดกลางแจ้งนานๆ

ความร้อนที่เกิดจากแสงแดดและการชาร์จไฟฟ้า จะทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสียหายจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชันของอิเล็กโทรไลต์แคโทด ส่งผลให้สูญเสียความจุไฟฟ้าแบบกะทันหันได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถธรรมดา การจอดไว้ที่แจ้ง กลางแสงแดดนาน ๆ ย่อมส่งผลต่อแบตเตอรี่อย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่เท่านั้นแต่ยังส่งผลถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในรถด้วย 

เลี่ยงการชาร์จเร็ว

การชาร์จแบบเร็วในที่นี้คือการชาร์จแบบ DC แน่นอนว่าการชาร์จแบบนี้คือทำให้ประจุไฟเต็มเร็ว แต่รู้ไหมว่าการชาร์จแบบเร็วส่งผลต่อแบตเตอรี่เนื่องจากในระหว่างการชาร์จ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเคมีภายในแบตเตอรี่ ทำให้แบตมีอุณหภูมิที่สูงหรือมีความร้อนสะสม สร้างความเครียดให้กับแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วยเช่นกัน

ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกวัน

หากแบตเตอรี่รถไฟฟ้าไม่หมด อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ต้องชาร์ตทิ้งไว้ก็ได้ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องชาร์ตไว้ทุกวัน แต่ให้ดูปริมาณแบตก่อนว่ายังมีปริมาณไม่ต่ำกว่าที่กำหนด คือไม่ต่ำกว่า 20% ถ้าเป็นไปได้พยายามทิ้งระยะห่างซัก 3-4 วัน หรือชาร์จสัปดาห์ละครั้งถือว่าเป็นอันใช้ได้

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวเกี่ยวกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่เอามาฝากกันในวันนี้ เมื่อรู้ปัจจัยที่ทำให้เสื่อมสภาพแล้ว ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านั้นให้ดี เพื่อแบตเตอรี่รถไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้อย่างปกติ และไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนเวลาอันควรด้วย และที่สำคัญไม่ว่าคุณจะขับรถยนต์แบบไหนก็ควรทำประกันรถยนต์เอาไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนน หากยังไม่มีแผนที่ถูกใจสามารถเข้ามาปรึกษากับ TIPINSURE กันก่อนได้ ยินดีให้บริการ หรือเข้ามาเช็กกรมธรรม์ที่ถูกใจได้ด้วยตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ได้เลย