อัปเดต 2566 เช็กให้ดี เตรียมตัวก่อนต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง ?
จำนวนผู้เข้าชม : 30

อัปเดต 2566 เตรียมตัวก่อนต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง ?
ใบขับขี่ เป็นเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานว่าบุคคลนั้นสามารถขับขี่ยานพาหนะ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ บนท้องถนนได้ และได้ผ่านการฝึกอบรมข้อกฎหมายการขับขี่จราจร รวมถึงทำการทดสอบภาคปฏิบัติต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งใบขับขี่นั้นเป็นแบบชั่วคราว จึงทำให้ต้องมีการต่อใบขับขี่ใหม่เสมอ เมื่อครบรอบวันหมดอายุ การต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย
ต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง เตรียมตัวอย่างไร
มือใหม่หัดขับที่มีใบขับขี่ครั้งแรก จนบางครั้งอาจจะลืมไปว่าใบขับขี่นั้นเป็นเอกสารชั่วคราว จนลืมกลับไปต่อใหม่ ทำให้อาจต้องมีการสอบใหม่อีกครั้ง และหากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปีก็จะต้องมีการเสียค่าปรับร่วมด้วย หากทราบวันหมดอายุของใบขับขี่แล้ว การต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง เพื่อให้สามารถต่อใบขับขี่ได้อย่างไม่ติดขัด
1. รูปแบบการต่อใบขับขี่
ใบขับขี่สามารถแบ่งตามอายุในการใช้งานได้ 3 ประเภทได้คือ
-
ใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 2 ปี : การต่อใบขับขี่ชนิด 2 ปี เป็นใบขับขี่สำหรับผู้ที่ทำใบขับขี่ใหม่ครั้งแรก โดยทุกคนจะได้รับเป็นใบขับขี่ชั่วคราว เมื่อครบกำหนดอายุของใบขับขี่แล้ว และทำการต่ออายุใบขับขี่ ครั้งนี้ก็จะได้รับเป็นใบขับขี่ชนิด 5 ปี ได้เลยทันทีโดยที่ไม่ต้องเข้ารับการอบรมใหม่อีกครั้ง
-
ใบขับขี่ชนิด 5 ปี : เป็นใบขับขี่ที่จะได้หลังจากทำการต่ออายุใบขับขี่ชั่วคราวแบบ 2 ปี การต่ออายุใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี จะมีการเพิ่มขั้นตอนอีกเล็กน้อย คือจะมีส่วนของการอบรมเพิ่มขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ ก็สามารถอบรมผ่านระบบออนไลน์ได้เลย
-
ใบขับขี่ตลอดชีพ (ในปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว เว้นแต่ผู้ที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพมาก่อนจึงสามารถต่อแบบเดิมได้)
2. เอกสารที่ต้องเตรียมต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง
-
ต่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราวจาก 2 ปีเป็น 5 ปี
-
บัตรประชาชนฉบับจริง
-
ใบขับขี่เดิม
-
ต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปีเป็น 5 ปี
-
บัตรประชาชนฉบับจริง
-
ใบขับขี่เดิม
-
หลักฐานการผ่านการอบรมออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าไปรับฟังการอบรมล่วงหน้าแล้วบันทึกภาพหน้าจอ หรือ QR Code เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ เพื่อการประหยัดขั้นตอนและไม่เสีเวลา แต่หากยังไม่ได้เข้ารับการอบรมออนไลน์ ก็สามารถเข้ารับการอบรมที่สำนักงานขนส่งได้ แต่ควรตรวจเช็กให้ดีว่ามีการอบรมวัน และเวลาไหนบ้าง
เช็กให้ชัวร์ว่าเป็นใบขับขี่แบบไหน
การจะต่อใบขับขี่นั้นต้องเช็กให้ชัวร์ว่า ที่ถืออยู่นั้นเป็นใบขับขี่แบบไหน ถ้าเป็นแบบ 2 ปี จะต่อได้เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี จะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และการต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี จะต่อได้เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีเหมือนเดิม ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถต่อใบขับขี่ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
3. ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมในการต่อใบขับขี่
-
ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่ชั่วคราวจาก 2 ปี เป็น 5 ปี
ใบขับขี่รถยนต์ ค่าใบขับขี่ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมทั้งหมด 505 บาท
ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ค่าใบขับขี่ 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมทั้งหมด 255 บาท
-
ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี
ค่าคำขอ 5 บาท และค่าใบขับขี่ 500 บาท รวมทั้งหมด 505 บาท
4. ต่อใบขับขี่ที่ไหนได้บ้างในกรุงเทพฯ
การต่อใบขับขี่ในกรุงเทพนั้น สามารถต่อได้ที่กรมการขนส่งทางบก จตุจักร ซึ่งเป็นที่ที่คนส่วนใหญ่นิยมมาต่อใบขับขี่กันที่นี่เนื่องจากอยู่ในเมือง เดินทางได้สะดวก แต่หากไม่ต้องการรอคิวนานๆ ก็ยังมีอีก 4 เขตที่สามารถไปต่อใบขับขี่ได้คือ
-
สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 1 (บางขุนเทียน)
-
สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 2 (ตลิ่งชัน)
-
สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 3 (พระโขนง)
-
สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 4 (มีนบุรี)
-
จังหวัดอื่น ๆ สามารถตรวจสอบสถานที่ต่อใบขับขี่ได้ที่ https://www.dlt.go.th/th/provincial-website/
เวลาเปิด – ปิดของกรมขนส่ง
วันที่เปิดทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. วันที่หยุดทำการคือวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ด้วยตัวเอง
1. ทำการจองคิวต่อใบขับขี่ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หากไม่สะดวกก็สามารถเดินทางไปต่อใบขับขี่แบบ walk in ได้ที่สำนักงานขนส่งฯ ที่ต้องการได้ทั่วประเทศ
2. ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และเขียนใบคำขอต่อใบขับขี่ให้ครบถ้วน
3. จากนั้นจะมีต้องทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกายได้แก่
-
การทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง)
-
การทดสอบสายตาการมองทางกว้าง
-
การทดสอบสายตาการมองทางลึก
-
การทดสอบปฏิกิริยาความเร็วโดยการเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟ
4. ถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบขับขี่ ชำระเงิน และรอรับบัตรได้เลย
การต่อใบขับขี่ออนไลน์

ขั้นตอนการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
1. เริ่มจากการลงทะเบียนเพื่อเข้าอบรมการต่อใบขับขี่ออนไลน์ โดยสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.dlt-elearning.com
2. ทำการกรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน และทำการเลือกการอบรมตามใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุ ซึ่งมีให้เลือก 3 ประเภทคือ ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถขนส่ง ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ
3. เริ่มทำแบบทดสอบก่อนอบรม 3 ข้อ
4. เริ่มดูวิดีโอการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ให้จบ ตามที่กำหนด ซึ่งจะเป็นวิดีโอที่ไม่สามารถกดข้ามได้ และปิดหน้าต่างลงไม่ได้ ควรตั้งใจดูให้จบ
5. เมื่อดูวิดีโออบรมจบ ก็จะต้องตอบแบบสอบถาม 3 ข้อหลังจบการอบรมด้วย เมื่อทำการอบรมเสร็จแล้วก็จะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้ครบเพื่อไปยื่นเอกสารต่าง ๆ ด้วยตัวเองที่กรมขนส่ง และทำตามขั้นตอนการต่อใบขับขี่ด้วยตัวเองตามปกติ
หากขาดต่อใบขับขี่ จะเกิดผลอะไร
เมื่อขาดต่อใบขับขี่ ก็สามารถทำการต่อใบขับขี่ได้ แต่จะมีเงื่อนไขต่างกันไปดังนี้
-
หากใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 1 ปี สามารถไปต่อใบขับขี่ได้ทันทีและไม่ต้องเสียค่าปรับ
-
หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องทำการสอบข้อเขียนใหม่อีกครั้ง
-
ถ้าเป็นใบขับขี่ที่หมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรมใบขับขี่ ทำการสอบข้อเขียน และต้องสอบปฏิบัติขับรถใหม่ คือทำทุกอย่างใหม่หมดเสมือนกับการทำใบขับขี่ครั้งแรก
ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารประจำตัวที่สำคัญสำหรับการขับขี่ยานพาหนะ เมื่อครบรอบหมดอายุแล้ว ควรทำการต่ออย่างสม่ำเสมอ ควรรู้ว่าต่อใบขับขี่ใช้อะไรบ้าง และควรเตรียมเอกสาร และเตรียมตัวให้พร้อม เช็กวันเวลาและสถานที่ให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลานาน นอกจากการต่อใบขับขี่ที่จำเป็นในการขับขี่ใช้ยานพาหนะแล้ว การทำพ.ร.บ. รถยนต์ และการทำประกันรถยนต์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ความคุ้มครองกับบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุต่างๆ และสร้างความมั่นใจ ความอุ่นใจในการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมท้องถนนด้วย