รวมขั้นตอนการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี อัปเดต 2566 ต้องเตรียมอะไรบ้าง
จำนวนผู้เข้าชม : 34

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี อัปเดต 2566
ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. รถยนต์ หรือใบขับขี่รถยนต์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะต้องมีการต่ออายุอยู่เสมอ ซึ่งใบขับขี่นั้นถือเป็นใบขับขี่แบบชั่วคราวที่ต้องมีการต่อทุกรอบที่ครบกำหนด ซึ่งในบทความนี้จะพูดถึงการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี คืออะไร และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
การต่อใบขับขี่แบบ 5 ปีเป็น 5 ปีนั้นไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก หากพูดถึงการเตรียมตัวแล้วก็จะมีความคล้ายคลึงกับการต่อใบขับขี่แบบ 2 ปี เป็น 5 ปี ซึ่งควรต้องตรวจเช็กให้ดีว่าจะต่อใบขับขี่แบบไหน เพราะแต่ละแบบจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ซึ่งการต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี เป็น 5 ปี จะมีขั้นตอนการเตรียมตัวดังนี้
1. ต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี คืออะไร
ทำความเข้าใจก่อนว่าการต่อใบขับขี่ในปัจจุบันนั้นได้ยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพไปแล้ว ยกเว้นผู้นั้นมีใบขับขี่ตลอดชีพอยู่แล้วจึงจะต่อในแบบเดิมได้ ทำให้ปัจจุบันมีแค่การต่อใบขับขี่แบบ 2 ปี เป็น 5 ปี และแบบ 5 ปี เป็น 5 ปีนั่นเอง โดยจำนวนปีที่บอกไว้ คือระยะเวลาที่ยังสามารถใช้ใบขับขี่ได้อยู่ เมื่อครบรอบปีแล้วจะถือว่าเป็นใบขับขี่หมดอายุ และต้องทำการต่อใหม่ ใบขับขี่แบบ 5 จึงหมายถึงใช้ได้ 5 ปีแล้วต้องมาต่อใหม่นั่นเอง โดยคุณสมบัติของผู้ขอต่อใบขับขี่มีดังนี้
1. เป็นผู้ที่ได้เคยรับใบขับขี่มาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล ใบขับขี่รถบดถนน ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ หรือใบขับขี่รถชนิดอื่น
2. เป็นผู้ที่ยังคงมีคุณสมบัติในการขับขี่ได้ และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ถือใบขับขี่ชนิดนั้นๆ
3. หากขาดต่อเกิน 1-3 ปีขึ้นไป จะต้องมาติดต่อจองคิวเพื่อต่ออายุเสมอ
เงื่อนไขการต่อใบขับขี่แต่ละประเภท
-
หากเป็นใบขับขี่ชั่วคราวแบบ 2 ปี หมดอายุแล้วต่อใหม่ จะได้เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี
-
หากเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี หมดอายุแล้วต่อใหม่ จะได้เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีเหมือนเดิม
2. เอกสารที่ต้องเตรียม
เอกสารที่ต้องเตรียมนั้นมีน้อยมาก และไม่ได้มีความยุ่งยากแต่อย่างใด ควรจัดเตรียมเอาไว้ก่อนวันไปต่อใบขับขี่ เพื่อประหยัดเวลามากขึ้น โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมาต่อใบขับขี่นั้นมีดังนี้คือ
-
ใบขับขี่รถยนต์ชนิด 5 ปีใบเดิม
-
บัตรประชาชนฉบับจริง พร้อมสำเนา
3. ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม
ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไปสำหรับการต่อใบขับขี่นั้นต้องเตรียมไปทั้งหมด 505 บาท คือค่าใบขับขี่ 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาทนั่นเอง ซึ่งควรเตรียมเป็นเงินสดในจำนวนที่พอดีไปให้เรียบร้อย เพื่อประหยัดเวลาในการชำระเงิน
4. ต่อใบขับขี่ที่ไหนได้บ้าง
1. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล
ติดต่อหมายเลข 0-2415-7337 ต่อ 204-205
2. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 ตลิ่งชัน
ติดต่อหมายเลข 0-2433-4773
3. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ตรงข้ามซอยสุขุมวิท 62/1
ติดต่อหมายเลข 0-2333-0035
4. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 ถนนสุวินทวงศ์ หนองจอก
ติดต่อหมายเลข 0-2543-5512
5. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ตรงข้ามตลาดนัดจตุจักร
ติดต่อหมายเลข 0-2271-8888 ต่อ 4201-4 หรือสอบถาม 1584
6. สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปี
1. ทำการยื่นเอกสาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารที่เตรียมมา ที่ฝ่ายทะเบียนใบอนุญาต หรือเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตามแต่ละสำนักงานขนส่งที่ไป และเจ้าหน้าที่จะออกคำขอ หรือใบคำขอต่อใบขับขี่ เพื่อรอเรียกชื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป
2. เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
-
ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในการขับรถ อย่างแดง เขียว เหลือง
-
ทดสอบสายตาทางลึก สายตาทางกว้าง
-
ทดสอบปฏิกิริยาเท้า ใช้วัดความสามารถในการใช้เบรคเท้า ว่ายังสามารถมีความพร้อมด้านการขับขี่อยู่หรือไม่
3. อบรม 1 ชั่วโมง
จะเป็นการเข้ารับการอบรมภาคทฤษฎีจำนวน 1 ชม. โดยเนื้อหาที่อบรมจะเป็นการทบทวนกฎจราจร มารยาทบนท้องถนน
4. ชำระค่าธรรมเนียม
เมื่อเข้ารับการทดสอบบสมรรถภาพ และเข้ารับการอบรมเรียบร้อยแล้วก็รอเรียกชื่อ เพื่อถ่ายรูป และพิมพ์ใบขับขี่ จ่ายใบขับขี่ ชำระค่าธรรมเนียม 505 บาท รอรับบัตรก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
คำแนะนำในการทดสอบสมรรถภาพ

ก่อนการทดสอบจะมีการเปิดวิดีโอให้ดู ว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งควรตั้งใจดูให้ดี สังเกตคนก่อนหน้าขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกไปทดสอบ เพื่อดูว่าควรต้องทำอย่างไรให้ผ่าน ทำอย่างไรให้ถูกวิธี หากทำไม่ผ่านในครั้งแรกยังไม่เป็นไร เจ้าหน้าที่จะมีโอกาสให้ลองใหม่อีกครั้ง ควรตั้งสมาธิให้ดี เพื่อให้การทดสอบไม่กินเวลามากจนเกินไป
ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถนำไปฝึกใช้ในชีวิตประจำวันได้ สามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ไม่ว่าจะเป็น การมองดูทางข้างหน้า กระจกมองข้างซ้าย-ขวา การเว้นระยะห่างของตัวรถด้านหน้า และด้านหลัง การระวังถนนที่เป็นตรอกซอกซอย เพราะอาจมีเด็ก สัตว์เลี้ยง หรือรถมอเตอร์ไซค์ตัดหน้าได้ จึงควรขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ขับเร็วในเขตชุมชน หมั่นสังเกตและประเมินสถานการณ์รอบข้างอยู่เสมอ เพื่อลดการเกินอุบัติเหตุและการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน