ตอบข้อข้องใจ ทำประกันรถชั้น 1 ต้องเช็คสภาพรถหรือไม่?
จำนวนผู้เข้าชม : 6

ตอบข้อข้องใจ ทำประกันรถชั้น 1 ต้องเช็กสภาพรถหรือไม่?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่หลายคนมักจะเกิดข้อสงสัยก่อนทำประกันชั้น 1 ก็คือเรื่องของการตรวจเช็กสภาพรถ ซึ่งบทความนี้มีคำตอบให้ทุกคนเกี่ยวกับขั้นตอนตรวจเช็กสภาพรถว่าเป็นอย่างไร ตรวจเช็กสภาพรถราคาเท่าไร และควรตรวจเช็กสภาพรถที่ไหนดีเพื่อให้ได้รับการอนุมัติความคุ้มครองจากบริษัทประกันตามที่เราต้องการ
ทำไมถึงต้องตรวจเช็กสภาพรถ
ก่อนที่จะถูกอนุมัติทำประกันรถยนต์ หลายบริษัทประกันภัยจะพิจารณาให้ความคุ้มครองโดยการตรวจเช็กสภาพรถของเราก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการเกิดความเสียหายของตัวรถยนต์ ซึ่งการตรวจเช็กสภาพรถจะขึ้นอยู่กับความต้องการในการซื้อประกันของเราด้วยว่า ทำแผนประกันประเภทไหน ซึ่งถ้าเป็นประเภทความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 จะต้องทำการตรวจเช็กสภาพรถเข้มงวดกว่าแผนประกันอื่น เช่น ตรวจประเภทรถ ลักษณะการใช้รถ อายุรถ เป็นต้น
ระยะเวลาที่ควรตรวจเช็กสภาพรถ
อีกการตรวจเช็กสภาพรถที่สำคัญ ก็คือการเช็กระยะรถยนต์ เพื่อให้สามารถประเมินความผิดปกติของรถที่เราใช้อยู่ประจำได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนเช็กสภาพรถที่เพิ่มขึ้นจากการเช็กลมยาง เช็กแบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ไฟรถ เกียร์ เบรก ฯลฯ เหมือนกับทำการบำรุงรักษารถให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกับเรานั่นเององ
ระยะเวลาที่ควรตรวจเช็กสภาพรถ
1. ระยะเวลา 1-6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็กสภาพรถอะไรบ้าง
- ตรวจเช็กยางรถยนต์ และการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กจานเบรก และผ้าเบรกหน้า (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร)
2. ระยะเวลา 6-12 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็กสภาพรถอะไรบ้าง
- ตรวจเช็กระบบคลัทช์ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร)
- สลับยาง และถ่วงล้อ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กที่ปัดน้ำฝน และที่ฉีดน้ำยาล้างกระจก (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กจานเบรก ผ้าเบรกหลัง และดูการรรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันเบรก (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กระบบคลัทช์ และดูการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัทช์ (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กช่วงล่าง และอุดจารบี (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กโช้คอัพ ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง (ทุก 12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง (ทุก 12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
3. ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก 20,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็กสภาพรถอะไรบ้าง
- ล้างห้องเครื่อง (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กน้ำมันเกียร์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กสายพานขับและสายพานเครื่องยนต์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัย สายพานพาวเวอร์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
- ตรวจเช็กระบบคันชักคันส่ง ลูกหมาก ยางกันฝุ่น (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
4. ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก 40,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็กสภาพรถอะไรบ้าง
- ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
- ควรเปลี่ยนน้ำมันคลัทช์ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
- ควรเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัย (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
- ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
- ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
ตรวจเช็กสภาพรถที่ไหนดี?
ตรวจเช็กสภาพรถที่ไหนดีให้รถของเราได้รับการดูแลอย่างดีนั้น จำเป็นต้องเลือกจากคุณสมบัติสำคัญของศูนย์ที่ให้บริการ ดังนี้
- การบริการ
เลือกจากการให้บริการที่ได้มาตรฐานแบบครบวงจร มีการดูแลที่ครอบคลุมทุกปัญหา ดำเนินการตรวจสอบโดยช่างหรือบุคคลากรที่เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือรวดเร็ว มีช่องทางการติดต่อที่สะดวกสบาย และมีสถานที่รองรับขณะรอบริการ
- อะไหล่หรืออุปกรณ์
มีอะไหล่รถยนต์หลากหลายยี่ห้อไว้รองรับหากอะไหล่เกิดความเสียหายจนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยน มีการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน
ตรวจเช็กสภาพรถราคา
- ตรวจเช็กสภาพรถจักรยานยนต์ ราคาประมาณคันละ 60 บาท
- ตรวจสภาพรถยนต์ ควรเช็กรถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาประมาณคันละ 150 บาท
- ตรวจสภาพรถยนต์ ควรเช็กรถยนต์ ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาประมาณคันละ 250 บาท
ประกันชั้น 1 ต้องตรวจเช็กสภาพรถไหม?
สำหรับคนที่จะเลือกซื้อแผนประกันรถยนต์ชั้น 1 โดยทั่วไปจะต้องตรวจเช็กสภาพรถเพื่อให้ได้รับการอนุมัติกรมธรรม์จากบริษัทประกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธีในการตรวจสอบ ดังนี้
วิธีที่ 1 บริษัทประกันจะขอให้เราถ่ายรูปรถยนต์ตามเงื่อนไขของแผนประกันส่งให้หลังจากที่เราชำระเงินครบแล้ว และำดำเนินการอนุมัติกรมธรรม์ให้ทันทีโดยไม่ต้องไปตรวจเช็กสภาพรถ
วิธีที่ 2 หลังจากชำระครบแล้ว เราจะต้องนำรถไปตรวจเช็กสภาพรถที่ศูนย์บริการ จากนั้นบริษัทประกันถึงจะทำการอนุมัติกรมธรรม์ให้กับเรา
ทำประกันชั้น 1 กับ TIPINSURE ต้องตรวจเช็กสภาพรถไหม?
กรณีที่เลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ TIPINSURE เราจะมีกระบวนการตรวจเช็กสภาพรถ โดยหลังจากสั่งซื้อจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไปประสานงานลูกค้าทันที เพื่ออธิบายขั้นตอนของการตรวจเช็กสภาพรถและการอนุมัติกรมธรรม์
ทำประกันชั้น 1 กับ TIPINSURE คุ้มค่ากว่าประกันโดยทั่วไป เนื่องจากเราให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,900 บาท/ปี พร้อมมีแผนให้เลือกหลากหลายตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ ติดต่อมาให้เราช่วยดูแลได้ที่ www.TIPINSURE.com