6 เทคนิคและข้อห้ามสำคัญ ในการขับรถระหว่างฝนตก
จำนวนผู้เข้าชม : 45

รวมเทคนิคขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัย
เข้าสู่ฤดูฝนแล้วยิ่งทำให้เราต้องขับรถตอนฝนตกกันบ่อยครั้ง ทำให้เกิดอุปสรรคในการขับขี่ค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกหนักและลมแรงเป็นพิเศษ อาจทำให้การมองเห็นถนนหนทาง หรือรถคันอื่นบนท้องถนนค่อนข้างยาก เพื่อไม่ให้การขับรถตอนฝนตกกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ระหว่างขับรถ TIPINSURE พร้อมแนะนำเทคนิคการขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัยแบบง่าย ๆ แต่จะมีวิธีไหนบ้างนั้น ต้องลองไปติดตามอ่านกันดู
6 วิธีขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัย
แนะนำ 6 วิธีขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง คือ ประคองความเร็วให้พอดี, เปิดไฟส่องสว่างให้ครบ, ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถ, เว้นระยะห่างจากคันหน้า 2 เท่า, เติมลมยางให้พร้อมอยู่เสมอ และปิดแอร์เมื่อจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ ซึ่งรายละเอียดแต่ละเทคนิควิธีมีดังนี้
1. ประคองความเร็วให้พอดี
ขับรถตอนฝนตกโดยประคองความเร็วให้พอดีตั้งแต่ช่วง 10 นาทีแรก เพราะพื้นฐานจะค่อนข้างลื่นกว่าปกติ จากการผสมกันระหว่างน้ำฝนและเศษฝุ่นดินบนถนน จึงมีโอกาสลื่นไถลได้มากกว่า ซึ่งความเร็วที่ดีในการขับรถตอนฝนตก ไม่ควรเกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง (อ้างอิงจากการวิจัยของบริษัท บริดจสโตน เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด)
2. เปิดไฟส่องสว่างให้ครบ
เปิดไฟส่องสว่างให้ครบ ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ฝนตกหนักและลมแรง จะทำให้การมองเห็นของเราค่อนข้างแย่ เพื่อให้รถคันอื่นบนถนนมองเห็นเรา จึงต้องเปิดไฟส่องสว่างให้ครบ เช่น การเปิดไฟตัดหมอก ที่จะช่วยส่องสว่างทะลุผ่านม่านน้ำฝนให้เราเห็นถนนชัดเจนขึ้นระหว่างขับรถตอนฝนตก รวมถึงช่วยให้รถคันอื่นเห็นเราง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
3. ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถ
ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถตอนฝนตก เนื่องจากจะทำให้รถคันอื่นบนถนนคิดว่ารถเราเสีย หรือกำลังจอดอยู่ ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากไม่เข้าใจสัญญาณฉุกเฉิน หากต้องการให้รถคันอื่นมองเห็นเรา ควรเปิดไฟตัดหมอกแทนจะดีกว่า
4. เว้นระยะห่างจากคันหน้า 2 เท่า
เว้นระยะห่างจากคันหน้า 2 เท่าเมื่อต้องขับรถตอนฝนตกไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม เพื่อให้รถของเรามีระยะเบรกที่เพียงพอกับถนนที่ทั้งเปียกและลื่น รวมถึงป้องกันการเบรกกะทันหันจากรถคันหน้าได้อีกต่างหาก
คำแนะนำเพิ่มเติม: แม้ว่าเราจะเว้นระยะห่างจากคันหน้า 2 เท่าแล้ว ก็อย่าลืมเตือนสติตัวเองว่า ไม่ควรเหยียบเบรกค้าง หรือเหยียบเบรกแรง เพราะอาจทำให้เกิดการลื่นไถลได้ เราควรที่จะค่อย ๆ เหยียบเบรกช้า ๆ แบบเป็นลำดับ เพื่อรีดน้ำออกจากเบรกจนสามารถควบคุมความเร็วรถได้ตามต้องการ
5. เติมลมยางให้พร้อมอยู่เสมอ
เติมลมยางให้พร้อมอยู่เสมอเมื่อถึงช่วงฤดูฝน ด้วยเหตุผลที่ว่ายางรถยนต์ทั่วไปมีคุณสมบัติในการรีดน้ำอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่เพื่อให้การรีดน้ำระหว่างขับรถตอนฝนตกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรเติมลมยางให้แข็งขึ้นอีกเล็กน้อย เช่น แต่เดิมเราอาจเติมลมที่แรงดัน 32 PSI ก็ควรเพิ่มมาเป็น 34 PSI เพื่อให้พร้อมต่อสถานการณ์ฝนตก
6. ปิดแอร์เมื่อจำเป็นต้องลุยน้ำ
ปิดแอร์เมื่อต้องลุยน้ำ รวมถึงการปิดระบบใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในรถ เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ดับระหว่างที่เรากำลังขับรถตอนฝนตกและลุยน้ำไปด้วย หลังจากการขับรถตอนฝนตกที่ต้องลุยน้ำมาก ๆ แล้วเราก็ไม่ควรสตาร์ตรถทันทีเช่นกัน เพราะถ้าน้ำยังไม่ออกไปจากเครื่องยนต์จนหมด อาจทำให้เกิดความเสียหายหนักได้
สรุปบทความ
การขับรถตอนฝนตกจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป หากเราเดินทางด้วยความเร็วต่ำ ควบคุมรถได้อย่างเหมาะสมตามคำแนะนำทั้งหมดด้านบน ดังนั้นระหว่างที่ขับรถตอนฝนตก ก็ไม่ต้องกังวลจนมากเกินไป ตั้งสมาธิในการขับขี่และระมัดระวังให้ดีเท่านั้นเอง และสำหรับใครที่อยากขับขี่อย่างปลอดภัยและอุ่นใจ TIPINSURE แนะนำให้เลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ เพราะประกันรถยนต์ชั้น 1 ดูแลคุณได้ครอบคลุม และครบถ้วนมากที่สุด