เช็กที่นี่! ขั้นตอนต่อภาษีรถยนต์ประจำปี
จำนวนผู้เข้าชม : 552

เช็กที่นี่! ขั้นตอนต่อภาษีรถยนต์ประจำปี
การต่อภาษีรถยนต์ หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่รถยนต์ทุกคันต้องทำเป็นประจำทุกปี ไม่เช่นนั้นหากขาดต่อภาษี หรือ ต่อภาษีล่าช้า จะต้องเสียค่าปรับ 1% ต่อเดือนของค่าภาษีรถยนต์ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย วันนี้ TIPINSURE เลยได้นำสาระความรู้ดีๆ เกี่ยวกับ ภาษีรถยนต์ มาฝากกัน ไปดูกันสิว่า การต่อภาษีรถยนต์ มีขั้นตอนอย่างไร ต่อภาษีรถยนต์ใช้อะไรบ้าง และภาษีรถยนต์แต่ละประเภท มีราคาเท่าไร
ภาษีรถยนต์ คืออะไร
ภาษีรถยนต์ คือ ภาษีประเภทหนึ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีตามกฎหมายกำหนด โดยภาษีที่เราจ่ายไปทุกๆ ปีนั้นก็เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงเส้นทางการคมนาคมบนท้องถนน ซึ่งการต่อภาษีรถยนต์นั้น ก็เป็นเหมือนกับการต่อทะเบียนรถยนต์ ให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยรถยนต์ที่ทำการต่อภาษีรถยนต์ เรียบร้อยแล้ว จะได้รับ “ป้ายภาษี” หรือที่แต่ก่อนเรียกกันว่า “ป้ายวงกลม” มาติดแสดงไว้บนกระจกหน้ารถ โดยจะเป็นป้ายสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ระบุปีและวันที่ ที่ภาษีรถยนต์หมดอายุ
และหากถึงกำหนดวันที่ ภาษีรถยนต์หมดอายุ จะต้องไป ต่อภาษีรถยนต์ หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยสามารถต่อภาษีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน (90 วัน) ทั้งนี้หากใครที่ลืมเสียภาษีรถยนต์ หรือ ไปต่อทะเบียนล่าช้า จะต้องเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 1 บาท ของค่าภาษีรถยนต์ที่ใช้งาน และหากผู้ใช้รถไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาเกิน 3 ปี จะถูกระงับป้ายทะเบียน ต้องไปขอจดทะเบียนใหม่ พร้อมกับเสียค่าปรับย้อนหลังทั้งหมด
ต่อภาษีรถยนต์ ราคาเท่าไร
ในการต่อภาษีรถยนต์นั้นจะมีราคาแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ที่จดทะเบียน โดยการคิดภาษีรถยนต์ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. คำนวณตามความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.)
การคำนวณภาษีรถยนต์ตามซีซีรถยนต์ ใช้กับ รถเก๋ง หรือ รถกระบะ ที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีดำ) โดยมีการคิดภาษีดังนี้
- ความจุกระบอกสูบ 600 ซี.ซี. แรก - ซี.ซี.ละ 0.50 บาท
- ความจุกระบอกสูบ 601 - 1,800 ซี.ซี. - ซี.ซี. ละ 1.50 บาท
- ความจุกระบอกสูบ เกินกว่า 1,800 ซี.ซี. - ซี.ซี. ละ 4.00 บาท
ทั้งนี้ หากเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วเกิน 5 ปี จะได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อๆไป ดังนี้
- รถมีอายุการใช้งาน เข้าปีที่ 6 ได้ส่วนลด 10%
- รถมีอายุการใช้งาน เข้าปีที่ 7 ได้ส่วนลด 20%
- รถมีอายุการใช้งาน เข้าปีที่ 8 ได้ส่วนลด 30%
- รถมีอายุการใช้งาน เข้าปีที่ 9 ได้ส่วนลด 40%
- รถมีอายุการใช้งาน เข้าปีที่ 10 และปีต่อๆ ไป ได้ส่วนลด 50%
2. จัดเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถยนต์ ได้แก่
สำหรับการคิดค่าภาษีรถยนต์ตามน้ำหนักของรถยนต์ ใช้ได้กับ รถยนต์ที่จดทะเบียนเป็น รถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีเขียว) เช่น รถกระบะ 2 ประตู รถบรรทุกขนาดเล็ก โดยมีการคิดราคาภาษี ดังนี้
- น้ำหนักรถ 501- 750 กก. อัตราภาษี 450 บาท
- น้ำหนักรถ 751 – 1,000 กก. อัตราภาษี 600 บาท
- น้ำหนักรถ 1,001 – 1,250 กก. อัตราภาษี 750 บาท
- น้ำหนักรถ 1,251 – 1,500 กก. อัตราภาษี 900 บาท
- น้ำหนักรถ 1,501 – 1,750 กก. อัตราภาษี 1,050 บาท
- น้ำหนักรถ 1,751 – 2,000 กก. อัตราภาษี 1,350 บาท
- น้ำหนักรถ 2,001 – 2,500 กก. อัตราภาษี 1,650 บาท
เช่นเดียวกับ รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง (ป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีน้ำเงิน) หรือ รถตู้ ก็มีการคิดราคาภาษีรถยนต์ ตามน้ำหนักรถเช่นกัน ดังนี้
- น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 กก. อัตราภาษี 1,300 บาท
- น้ำหนักรถเกิน 1,800 กก. อัตราภาษี 1,600 บาท
3. จัดเก็บภาษีตามประเภทรถยนต์
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
- รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
- รถพ่วงประเภทอื่น ๆ คันละ 100 บาท
- รถบดถนน คันละ 200 บาท
- รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับ ต่อภาษีรถยนต์ใช้อะไรบ้าง
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า รถยนต์แต่ละประเภท มีการคำนวณภาษีรถยนต์อย่างไร ราคาเท่าไรบ้างนั้น หากจะไปต่อภาษี มาดูเอกสารที่จำเป็น ต่อภาษีรถยนต์ใช้อะไรบ้าง ดังนี้
- เล่มทะเบียนรถยนต์ สามารถใช้ได้ทั้งฉบับจริง และ สำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์
- ส่วนท้ายของเอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์
- ใบรับรองการติดตั้งแก๊สรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ติดแก๊ส NGV หรือ LPG
- ใบตรวจสภาพรถยนต์ จาก ตรอ. สำหรับรถยนต์ที่เข้าข่ายดังนี้
- รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
- รถที่ขาดการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี หรือ มีการดัดแปลงสภาพรถไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ในสมุดคู่มือประจำรถ
ต่อภาษีรถยนต์ ที่ไหนได้บ้าง
ปัจจุบันนี้ เราสามารถต่อภาษีรถยนต์ หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ ได้หลากหลายช่องทาง ไม่จำกัดว่าต้องไปต่อภาษีที่กรมการขนส่งทางบกเพียงที่เดียวเท่านั้น โดยสามารถชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
- สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
- จุดบริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax)
- เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ
- ที่ทำการไปรษณีย์
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ "ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax)"
โทษปรับ หากขาดต่อภาษีรถยนต์
อย่างที่ TIPINSURE บอกไปว่า ภาษีรถยนต์ นั้นมีความจำเป็นกับรถยนต์ทุกคัน และเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากรถยนต์ทีใช้ไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์ ก็จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีโทษปรับตามกรณีต่างๆ ดังนี้
- ขาดต่อภาษีรถยนต์เกิน 1 ปี ต้องตรวจสภาพ ตรอ. พร้อมเสียภาษีและค่าปรับย้อนหลัง (ชำระเมื่อต่อภาษี)
- ขาดต่อภาษีรถยนต์ติดต่อกัน 3 ปี ป้ายทะเบียนจะถูกยกเลิก ต้องขอจดทะเบียนใหม่
- ใช้รถยนต์ที่ พ.ร.บ.ขาด และ ภาษีรถยนต์ขาด มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
- ใช้รถที่ไม่มี พ.ร.บ. รถยนต์ หรือขาดต่ออายุ มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ใช้รถที่ไม่แสดงเครื่องหมายการชำระภาษี (ไม่ติดป้ายวงกลมให้เห็นชัดเจน) มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ภาษีรถยนต์ขาด สามารถต่อภาษีรถยนต์ ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันหมดอายุ อย่างไรก็ดี ผู้ขับขี่รถยนต์ก็ควรเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท ทั้งนี้ หากใครที่ต้องการความคุ้มครองอย่างอุ่นใจขณะขับขี่ ให้ ประกันรถยนต์ จากทิพยประกันภัย เป็นผู้ดูแลคุณ เรามีแผนประกันให้คุณได้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ ประกันรถยนต์ ชั้น 3+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 3 โดยสามารถ เช็กราคาประกันรถยนต์ หรือ ซื้อประกันรถยนต์ ออนไลน์ ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ TIPINSURE.COM