พระบารมีแผ่ไพศาล

พระบารมีแผ่ไพศาล

     นับตั้งแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรของพระองค์ แม้ในระยะนั้นถนนหนทางไม่สะดวก หรือแม้แต่ในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ก็เสด็จฯไปทรงเยี่ยมประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และหลายๆแห่งที่เสด็จฯทรงได้รับความลำบาก ก็ไม่เคยปริพระโอษฐ์บ่นที่ต้องทรงรอนแรมไปเรื่อยๆ ทรงเก็บหาข้อมูลไว้สำหรับการวางรากฐานพัฒนา โดยพระราชทานโครงการต่างๆช่วยเหลือในโอกาสต่อไป

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเห็นสมควรที่จะเสด็จฯเยือนต่างประเทศ ตามที่มิตรประเทศเหล่านั้นกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จอย่างเป็นทางการ จึงเป็นวาระแรกที่ทรงปฏิบัติพระองค์เสมือนเป็นผู้แทนของประเทศไทยออกสู่โลกกว้าง ปรากฏพระองค์ในความเป็นคนไทยให้โลกได้รู้จัก ทั้งยังทรงถือเป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่ง เพราะทรงมีพระราชดำริว่า

     “ประเทศต่างๆจะรักใคร่กันดีต้องอาศัยประมุขของแต่ละชาติมีความสัมพันธ์กันเป็นรากฐาน”

     ทุกประเทศที่ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนทรงมีเครื่องมือสำคัญที่ทรงใช้ในการเจิรญสัมพันธไมตรีคือ “ดนตรี” อันเป็นที่ประจักษ์ในพระราชอัจฉริยภาพไปทั่วโลก

     โดยเฉพาะเมื่อเสด็จเยือนกรุงเวียนนาในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ วงดนตรีออร์เคสตร้าแห่งเวียนนาได้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ไปแสดง ณ คอนเสิร์ตฮอลล์แห่งเวียนนา เมื่อการแสดงจบลงทรงได้รับการปรมมืออย่างกึกก้องยาวนาน ต่อมาในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๐๗ รัฐบาลออสเตรียได้ทูลเกล้าถวายประกาศนีบัตรเกียรติคุณขั้นสูงแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ หมายเลข ๒๓ ณ สถาบันการดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนา นับเป็นชาวเอเซียคนแรกและคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้ในท่ามกลางนักดนตรีอัจฉริยะระดับสากล

     ทรงมีพระบรมราโชบายแน่วแน่ในการเสด็จเยือนต่างประเทศทุกครั้งว่า จะต้องทรงปฏิบัติพระองค์ให้เป็นที่นิยมนับถือของเจ้าของบ้านอย่างดีที่สุด สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศและพลเมืองจะมิทรงเว้นที่จะพินิจพิจารณาเก็บไว้เป็นข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการนำมาพัฒนาประเทศให้เจริญต่อไป

ข้อมูล : เรียบเรียงจากสมุดตราไปรษณียากรพิเศษ “ดั่งดวงแก้วแห่งแผ่นดิน”