ไขข้อสงสัย การตรวจ MRI คืออะไร วินิจฉัยเคสไหนได้บ้าง
จำนวนผู้เข้าชม : 80
ทำความรู้จักกับการตรวจ MRI คืออะไร
เวลาที่เราต้องตรวจร่างกายโดยรวมเพื่อวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้น คงทำให้หลายคนสงสัยว่าการตรวจ MRI คือ อะไร ซึ่งบางส่วนยังมีความเข้าใจผิดอยู่ว่าการตรวจนี้ เป็นการตรวจมะเร็งโดยเฉพาะ เนื่องจากไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจว่า MRI คืออะไร ซึ่งทางกลับกันวิธีการตรวจดังกล่าว ยังสามารถตรวจหาความผิดปกติในส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนที่ค่อนข้างมีความแม่นยำมาก TIPINSURE จึงอยากนำข้อมูลภาพรวมว่า MRI คืออะไร ต่างจากเอ็กซ์เรย์ปกติไหม ตรวจอะไรได้บ้าง และมีข้อดีอย่างไร
MRI คืออะไร
MRI (Magnetic Resonance Imaging) คือ วิธีการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ช่วยให้ได้ภาพที่การตรวจที่มีความคมชัดสูงมาก โดยเทคนิคที่ใช้จะเป็นด้านรังสีวิทยา หลังจากนั้นภาพที่ได้ก็จะถูกนำไปใช้ตรวจทางกายวิภาคและสรีรวิทยาทั้งในด้านสุขภาพและโรคอื่น ๆ ได้ด้วย
หลักการทำงานของ MRI
หลักการทำงานของ MRI จะใช้ปฎิกิริยาระหว่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นความถี่วิทยุ และ อนุภาคโปรตอน ในเนื้อเยื่อของรางกาย (โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเกี่ยวข้องในทางเคมีที่มีความอันตราย) เมื่ออนุภาคโปรตอนในร่างกายได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กับคลื่นความถี่วิทยุ ทำให้อนุภาคโปรตอนเหล่านั้นเคลื่อนที่ออกจากจุดสมดุลเดิม ไปอยู่ระนาบที่ตั้งฉากกับแนวแกนของสนามแม่เหล็กกำลังสูง หลังจากที่มีการคายพลังงานเพื่อกลับสู่จุดสมดุลเดิม พลังงานที่ถูกคายออกมา ก็จะถูกเปลี่ยนให้เป็นสัญญาณภาพโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์จับไว้ จนกลายออกมาเป็นภาพที่มีความคมชัดสูงนั่นเอง
MRI ต่างจากการเอ็กซ์เรย์ยังไง
หลังจากที่รู้แล้วว่า MRI คืออะไร คงมีหลายคนสงสัยว่าแล้วมันต่างจากการเอ็กซ์เรย์ปกติอย่างไรบ้าง? ซึ่ง TIPINSURE จะเปรียบเทียบทีละข้อให้เห็นได้ชัดเจนดังตารางด้านล่าง
MRI |
เอ็กซ์เรย์ (CT Scan) |
ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการตรวจ |
ใช้รังสีในการตรวจ |
ใช้เวลาประมาณ 30-90 นาที |
ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที |
ตรวจอวัยวะในร่างกายได้ทุกส่วน (ไม่เหมาะกับผู้ที่ผ่าตัดติดตั้งอุปกรณ์ |
ตรวจโรคเกี่ยวกับกระดูก ปอด การบาดเจ็บของอวัยวะภายใน เนื้องอก |
ใช้ปฎิกิริยาระหว่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า |
มีการใช้ฉีดสารทึบรังสี |
MRI ใช้ตรวจส่วนไหนบ้าง
MRI สามารถใช้ตรวจได้ทุกส่วนของร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น สมอง อวัยวะในช่องท้อง กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ และเส้นเลือด ซึ่งแต่ละจุดมีจุดประสงค์การตรวจที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
- สมอง : ตรวจโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดในสมองตีบ สมองเสื่อม ไปจนถึงการปวดศีรษะเรื้อรัง
- อวัยวะในช่องท้อง : เนื้องอกในช่องท้อง มะเร็งตับ หรืออาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- กระดูกสันหลัง : กระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกทับเส้น อาการปวดคอ และปวดหลังเรื้อรัง
- กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ : ข้อเข่าเสื่อม การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ไปจนถึงการตรวจหาเนื้องอกก็ทำได้
- เส้นเลือด : ดูการไหลเวียน หรือดูเฉพาะเส้นเลือด เพื่อหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ข้อดีของการตรวจด้วย MRI
เป็นการตรวจร่างกายที่มีความปลอดภัยสูง เพราะไม่ใช่รังสีสำหรับการสร้างภาพ
มีประสิทธิภาพสูงหากต้องการสร้างภาพสมองอย่างชัดเจน
เป็นการตรวจตับที่ดีที่สุดหากเทียบกับวิธีอื่น
ช่วยให้การวินิจฉัยความผิดปกติเกี่ยวกับมะเร็ง หัวใจ โรคเกี่ยวกับเส้นเลือด และอื่น ๆ ได้ดีที่สุด
สร้างภาพเส้นเลือดได้ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องมีการฉีดสี
ยาที่ใช้สำหรับการทำ MRI มีโอกาสที่จะแพ้น้อยกว่ายาที่ใช้กับการเอ็กซ์เรย์
มีเทคนิคพิเศษเพื่อช่วยให้สามารถดูข้อมูลสารเคมีบางชนิดได้ละเอียดขึ้นกว่าปกติ
สรุปบทความ
เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจดีแล้วว่า MRI คือ อะไร สามารถตรวจอะไรได้บ้าง มีจุดเด่นข้อดีมากน้อยแค่ไหน ส่วนคนที่เคยตรวจมาก่อนคงเข้าใจดีเลยว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยที่คอยดูแลยามเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นการหาโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงให้ ช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอกหรือใน TIPINSURE มาพร้อมประกันสุขภาพหลากหลายแผนประกันให้คุณเลือกได้ สามารถดูแลคุณได้ครอบคลุมตามต้องการ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1736 หรือเข้าไปดูรายละเอียดกรมธรรม์ทางเว็บไซต์ได้เลย