5 โรคที่สาวๆ ควรระวังเมื่อนั่งรถเป็นเวลานาน เป็นอะไรได้บ้างนะ
จำนวนผู้เข้าชม : 28

สาวๆ ทราบมั้ยคะ ว่าการที่เรานั่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เกิดโรคภัยที่อันตรายได้หลายโรคเลยนะคะ วันนี้ Tip Lady มี 5 โรคที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการนั่งเป็นระยะเวลานานๆ มาฝาก เพื่อให้สาวๆ ทุกคนได้ระวังและป้องกันค่ะ
เวลาอยู่บนรถ เครื่องบิน หรือนั่งทำงานนานๆ จะมีอาการปวดบวมแดงบริเวณน่องหรือข้อเท้า นี่คืออาการเบื้องต้น ซึ่งเกิดจากการที่เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรือชิ้นเล็กๆ แล้วไหลเข้าไปตามกระแสเลือด และอาจไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญ เช่น ปอด หรือหัวใจ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดตามร่างกายส่วนล่าง ตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงไป โดยเฉพาะการนั่งในที่คับแคบเป็นเวลานานๆ หลายชั่วโมงโดยไม่ค่อยได้เปลี่ยนอิริยาบถ การนั่งไขว้ขา การดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำน้อยเกินไป หรือการมีหลอดเลือดขอดหรือโป่งพอง
ป้องกันได้โดย พยายามเลือกที่นั่งที่สะดวกในการยืดแขนขา และลุกเดินบ้าง สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่อึดอัดรัดแน่นจนเกินไป และที่สำคัญดื่มน้ำอย่างพอเพียง เพื่อลดความข้นของเลือดที่จะเกิดเป็นลิ่มเลือดได้ง่าย
โดยทั่วไปจะพบในช่วงอายุ 20–50 ปี แต่ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย หากสาวๆ เริ่มรู้สึกว่าปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อยๆ ปวดแสบมากเมื่อจะสุดการปัสสาวะ บางรายที่มีอาการหนักอาจมีเลือดหรือหนองปนในปัสสาวะด้วย รวมถึงสีปัสสาวะจะขุ่น สีคล้ำผิดปกติ และมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ อาจมีไข้สูงหรือไข้ต่ำ เจ็บบริเวณเอว ปวดท้องน้อย หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ถ้ามีอาการดังกล่าวมานี้รีบพบแพทย์ทันทีเลยนะคะ เพราะฉะนั้นก่อนจะขึ้นรถหรือต้องทำกิจกรรมอะไรนานๆ ห้ามอั้นปัสสาวะเด็ดขาด ควรที่จะเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทางนะคะ
เมื่อรถติดเป็นเวลานานๆ แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อสุขภาพจิต ทั้งกลัวจะไปทำงานสาย กลัวจะผิดนัด เกิดความรำคาญหงุดหงิด ซึ่งอารมณ์ที่หงุดหงิดเหล่านี้หากเผชิญบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเครียดได้เลยทีเดียว ซึ่งโรคเครียดยังส่งผลร้ายต่อร่ายกายและจิตใจ สามารถนำไปสู่โรคจิตอ่อนๆได้อีกด้วย ลองสังเกตุกันนะคะว่าเราเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเนื่องจากสาเหตุของความเครียดแล้วหรือยัง
- กล้ามเนื้อหดตัว ส่งผลให้ปวดหลัง เจ็บขากรรไกร มีปัญหาเกี่ยวกับเอ็นตามกล้ามเนื้อ
- ร่างกายตื่นตัวมาก หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ มือเท้าเย็น เวียนศีรษะ ปวดไมเกรน หายใจไม่สุด และเจ็บหน้าอก
- อ่อนเพลีย
- มักโกรธ โมโหอาละวาดได้ง่าย วิตกกังวลและฟุ้งซ่าน รู้สึกกดดันอยู่เสมอ
- ปวดไม่สบายท้อง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน กรดในกระเพาะอาหาร ท้องอืด ท้องร่วง ท้องผูก - นอนไม่หลับ
- ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีสมาธิ หมดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ
- ซึมเศร้า
- รับประทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ
- ทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือออกกำลังกายเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง
การป้องกันโรคเครียด เป็นปัญหาสุขภาพที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์อันตรายอันเป็นสาเหตุของโรคเครียดนั้น ควบคุมไม่ได้ แต่ผู้ที่เป็นโรคเครียดนั้นสามารถที่จะหาวิธีจัดการกับความเครียดของตนเองให้ได้ โดยอาจจะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ฝึกหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือนวด เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย หางานอดิเรกทำในยามว่าง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
การนั่งขับรถเป็นต้นเหตุสำคัญที่แพทย์ชี้ว่าอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมและยังเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเป็นโรคร้ายอย่างหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่เรานั่งในท่าใดท่าหนึ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานานๆ หรือ นั่งในถ้าเดิมนานๆ แล้วไม่เปลี่ยนอิริยาบถ อาการปวดจากการที่หมอนกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทจะอยู่ลึกกว่าอาการเจ็บกล้ามเนื้อ ดังนั้นหากกดตรงหลังจะไม่ค่อยเจ็บ แต่หากกดทับเส้นประสาทบางส่วนที่ไปเลี้ยงด้านหลัง ก็ทำให้ปวดร้าวไปข้างหลังได้ ซึ่งนอกจากอาการปวดแล้ว อาจมีอาการชากล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย
ป้องกันโดยการ นั่งให้ถูกท่าไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หมั่นทำกายบริหารหรือออกกำลังกายโดยเฉพาะบริเวณหลังก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่หลังมีความแข็งแรงขึ้นด้วย แต่หากมีอาการปวดอย่างเรื้อรังควรที่จะปรึกษาแพทย์ทันที
อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและล้ามากหลังจากการนั่งนานๆ โดยเฉพาะการนั่งขับรถ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ ความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นนี้มักจะค่อย ๆ แย่ลงเมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน และส่งผลต่อกลุ่มกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั้งหลาย เช่น คอ หัวไหล่ หลัง ขา และสะโพก ตัวช่วยที่ดีในการป้องกัน คือ ควรหาหมอนเบาะนั่งและปรับให้หัวหมอนเบาะรถยนต์อยู่ที่กลางศีรษะเพื่อช่วยปรับให้มีท่านั่งที่ถูกต้องและนั่งสบายยิ่งขึ้น ออกกำลังกายแต่พอดี อย่าหักโหม เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่านั่ง ยืน หรือ เดินนานจนเกินไป
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th
https://www.s-spinehospital.com
https://medium.com/arincare-com