ในยุคดิจิทัล 4.0 เราสามารถต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ไหนได้บ้าง

จำนวนผู้เข้าชม : 83

 

ในยุคดิจิทัล 4.0 เราสามารถต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ไหนได้บ้าง

 

            เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องออกเดินทางกันเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะด้วยการเดินเท้าไปจับจ่ายใช้สอยซื้อของใกล้บ้าน การออกเดินทางไปทำกิจธุระต่างจังหวัดด้วยรถโดยสาร หรือแม้แต่การออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อทำงานหรือท่องเที่ยวโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ดังนั้นการทำพ.ร.บ.รถยนต์ไว้เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินจากอุบัติเหตุต่างๆ ย่อมจะส่งผมดีต่อตัวคุณเอง คนที่ร่วมโดยสารมากับคุณ และเพื่อนร่วมทางมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันนี้ ด้วยเทคโนโลยีพัฒนามาถึงยุคดิจิทัล 4.0 การต่อพ.ร.บ. รถยนต์นั้น สามารถทำได้ง่าย สะดวก และไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิดอีกต่อไป

 

ทำไมต้องต่อพ.ร.บ.รถยนต์

            แน่นอนว่านอกจากประโยชน์จากการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ แล้ว เหตุผลที่เราทุกคนควรที่จะต้องต่อพ.ร.บ.รถยนต์ เป็นเพราะส่วนหนึ่งทางกฏหมายเองก็ได้มีบังคับไว้อย่างชัดเจนว่ารถทุกคันจะต้องจัดการต่อภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี ซึ่งกฏหมายจราจรฉบับนี้ มีชื่อเต็ม คือ “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” ซึ่งกฏหมายตัวนี้มีมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2535 ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิในการดูแลประชาชนทุกคนที่ย่อมจะต้องมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนน และแน่นอนว่าหากเราไม่ต่อพ.ร.บ. รถยนต์ก็เท่ากับเรากำลังทำผิดกฏหมายอยู่นั้นเอง

            ดังนั้นเสียสละเวลาเพียงไม่นานไปต่อพ.ร.บ.รถยนต์ ย่อมจะดีกว่าต้องขับรถแบบหลบๆ ซ่อนๆ จากสายตาตำรวจ แล้วยังเสี่ยงที่จะต้องเสียค่าปรับต่างๆ ซึ่งยุ่งยากมากกว่าเดิม และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างที่ไม่ได้ต่อพ.ร.บ.รถยนต์นั้นหมายความว่าคุณจำเป็นจะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายเองเต็มจำนวน อีกทั้งในกรณีที่ไปต่อพ.ร.บ.รถยนต์ล่าช้า จะส่งผลทำให้คุณต้องชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลังเดือนละ 1% อีกด้วย

 

พ.ร.บ. รถยนต์ต่างจากประกันรถยนต์ที่บริษัทต่างๆ มีให้ซื้อกรมธรรม์อย่างไร

            สำหรับพ.ร.บ. รถยนต์นั้น เป็นประกันภาคบังคับที่กฏหมายบัญญัติว่า รถยนต์ตลอดจนยานพาหนะทุกประเภทบนท้องถนนจำเป็นจะต้องมี โดยรายละเอียดวงเงินคุ้มครองจะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฏหมาย ส่วนของประกันรถยนต์ เรียกได้ว่าเป็นส่วนประกันที่เจ้าของรถ ผู้ขับขี่ยานพาหนะจะเลือกทำหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ต้องการเลือกทำเพิ่มเติม ก็ควรที่จะต้องพิจารณาเรื่องของแผนประกัน ตลอดจนวงเงินคุ้มครอง เงื่อนไขต่างๆ เป็นสำคัญ

 

ต่อ พ.ร.บ. ที่ไหน

            ในปัจจุบันนี้ ด้วยวันเวลาเดินทางมาสู่ยุคดิจิทัล 4.0 การทำกิจธุระต่างๆ ซึ่งหมายความรวมถึงการต่อพ.ร.บ.รถยนต์นั้นสามารถทำได้ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งใครสะดวกแบบใดก็เลือกได้ตามใจ

            กรณีแรก ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์แบบออฟไลน์ หมายถึงการเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปนี้ด้วยตัวเอง

  1. สำนักงานขนส่ง ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศใกล้บ้าน
    เวลาเปิดทำการ 08.30 - 16.30 นาฬิกา ทุกวันจันทร์ - ศุกร์
  2. ที่ทำการไปรษณีย์ เวลาเปิดทำการ หากเป็นวันจันทร์ - ศุกร์ สามารถไปได้ตั้งแต่ 08.00 - 18.00 นาฬิกา หากเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดชดเชยต่างๆ จะเปิดในเวลา 09.00 - 17.00 นาฬิกา
  3. เคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ ทั่วไทย

โดยไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางไปต่อพ.ร.บ.รถยนต์ที่ไหน สิ่งที่ห้ามลืมเลย คือ เอกสารสำคัญ ได้แก่

  • “สมุดเล่มทะเบียนรถ” หรืออาจจะใช้เป็นสำเนาหน้าทะเบียนรถก็ได้
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาบัตรประชาชน

            กรณีที่สอง ต่อพ.ร.บ.รถยนต์แบบออนไลน์ คุณอาจเลือกใช้บริการต่อพ.ร.บ.รถยนต์ภาคบังคับกับทิพยประกันภัย ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 569 บาท อำนวยความสะดวกสบายให้กับคุณสามารถรับกรมธรรม์ได้ทันทีผ่านทางอีเมล!!

โดยที่คุณสามารถซื้อพ.ร.บ.รถยนต์ออนไลน์ได้ง่ายๆ เสร็จ ครบ จบ ภายใน 4 ขั้นตอน ได้แก่

  1. กรอกข้อมูลรถ: ประเภทรถ,  ปีที่จดทะเบียน,  ยี่ห้อ,  รุ่นรถ และรุ่นย่อย
  2. เลือกแผนประกันรถยนต์ พ.ร.บ.
  3. กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลรถยนต์ โดยคุณจะได้รับกรมธรรม์ผ่านทางอีเมลที่ใช้สมัคร
    และถ้าต้องการให้ส่งใบกรมธรรม์ไปที่บ้านด้วย สามารถติ๊กเลือกช่อง "รับทางไปรษณีย์" ได้
  4. ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลผู้เอาประกันภัยและกรมธรรม์ หากไม่ถูกต้อง เลือกแก้ไขที่มุมขวามือ และปรับแก้ให้ถูกต้อง แล้วจึงมาเลือกวิธีชำระเงินที่สะดวก ซึ่งสามารถชำระได้ทั้งเครดิตการ์ด / เดบิต และแรบบิท ไลน์ เพย์

            เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านี้ คุณก็สามารถจัดการธุระในส่วนของพ.ร.บ.รถยนต์ได้อย่างเรียบร้อย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลในช่วงที่น้ำมันกำลังแพงเช่นนี้อีกด้วย หากสนใจก็สามารถซื้อออนไลน์และรอรับกรมธรรม์ทันทีทางอีเมลได้เลย คลิก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง