ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
จำนวนผู้เข้าชม : 9

ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
หลายคนอาจจะยังคงสับสนลังเลว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้นไหนให้แก่รถของคุณดี ซึ่งในปัจจุบันนี้มีประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองหลากหลาย และมีเบี้ยประกันแตกต่างกันไปตามความคุ้มครองของตัวประกัน บางคนอาจจะยังลังเลว่า ถ้าหากต้องการความคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกด้านแล้ว ควรเลือกประกันชั้น 1 หรือใช้เพียงประกันชั้น 2 ก็พอแล้ว และประกันชั้น 1 กับ ประกันชั้น 2 นั้นแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกอย่างไร เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด
การจะเลือกประกันชั้น 1 ก็ดี หรือประกันชั้น 2 ก็ดี ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่า ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 นั้นคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน และความคุ้มครองแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 1 นั้นเป็นประกันรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูง แต่เบี้ยประกันก็มีราคาสูงเช่นกัน โดยประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งหมด เรียกว่า แม้เบี้ยประกันสูง แต่หากเกิดอุบัติเหตุแล้วก็ได้รับความคุ้มครองสุดคุ้มค่า
ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองดังนี้ : รับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกายของตัวบุคคล ทั้งผู้เอาประกันและบุคคลภายนอก, รับผิดชอบต่อตัวรถยนต์, รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก, คุ้มครองถึงการสูญหาย อัคคีภัย, คุ้มครองค่าเสียหายจากอุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าผู้เอาประกันภัยจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็ตาม แม้ไม่มีคู่กรณีก็ยังได้รับความคุ้มครอง
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 2 นั้นให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 แต่รายละเอียดและความคุ้มครองจะด้อยกว่าเล็กน้อย
ประกันชั้น 2 ให้ความคุ้มครองดังนี้ : รับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย ของบุคคลภายนอกและผู้โดยสาร, รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก, คุ้มครองกรณีที่รถคันเอาประกันภัยสูญหาย หรือเกิดไฟไหม้
ความแตกต่างของประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2
จากเนื้อหาข้างต้น จะเห็นว่าประกันชั้น 2 นั้นให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ยังมีความแตกต่างกันตรงที่ ประกันชั้น 2 จะไม่รวมความเสียหายของรถยนต์คันเอาประกันภัยในกรณีชนพาหนะทางบก อีกทั้งจะไม่รวมค่าเสียหายในกรณีที่เฉี่ยวชนแบบปราศจากคู่กรณี สรุปง่ายๆ ก็คือ ประกันชั้น 2 นั้นไม่ได้รับผิดชอบต่อความเสียหายของรถเราจากการเฉี่ยวชนไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี ขณะที่ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองครอบคลุมทั้งหมด
และเพราะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ประกันชั้น 1 จึงมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันชั้น 2 ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าหากมองในเรื่องความคุ้มครอง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็คุ้มค่าทีเดียว
ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 ควรเลือกประกันรถยนต์ตัวไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา
ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 นั้น ให้ความคุ้มครองต่างกันเพียงเล็กน้อย และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา เพื่อที่จะได้จ่ายเบี้ยประกันอย่างคุ้มค่าที่สุด
ซึ่งการจะพิจารณาว่าควรเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันชั้น 2 นั้น ควรดูรายละเอียดตามนี้
- อายุของรถยนต์ที่ต้องการทำประกัน
ถ้าหากเป็นรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมาก หากมีการเฉี่ยวชนอาจไม่ค่อยเสียดายนัก การทำประกันรถยนต์อาจเลือกเป็นประกันชั้น 2 ก็ได้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์คันใหม่ป้ายแดง รถยนต์ใหม่ๆ ที่อายุการใช้งานเพียงไม่กี่ปี การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อาจเหมาะสมกว่า
- สภาพของรถยนต์ที่ต้องการทำประกัน
ถ้าหากเป็นรถยนต์มือสอง สภาพพอใช้งานได้ อาจจะเลือกทำประกันชั้น 2 แต่ถ้าหากรถยนต์ยังอยู่ในสภาพดี ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ประกันชั้น 1 น่าจะตอบโจทย์กว่า
- ฝีมือและความเชี่ยวชาญของผู้ขับขี่รถยนต์
ดังที่กล่าวไปข้างต้น ประกันชั้น 2 นั้นไม่ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในกรณีที่รถยนต์ของคุณเฉี่ยวชนไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี ดังนั้นหากคุณขับรถได้เชี่ยวชาญ ชำนาญ มีการเฉี่ยวชนน้อยมาก ในหนึ่งปีแทบไม่เฉี่ยวชนหรือประสบอุบัติเหตุใดๆ เลย การทำประกันชั้น 2 อาจจะเพียงพอแล้ว แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังขับรถไม่แข็งนัก การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ย่อมได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากว่า
- งบประมาณในการซื้อประกันรถยนต์
เป็นอีกเรื่องที่จำเป็นต้องคำนึงถึง เนื่องจากประกันชั้น 1 นั้นให้ความคุ้มครองทุกอย่างก็จริง ทว่าเบี้ยประกันก็สูงเช่นกัน ขณะที่ประกันชั้น 2 ค่าเบี้ยประกันจะมีเบากว่าพอสมควร
- ความต้องการความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์
นอกจากเหตุผลในข้ออื่นๆ แล้ว ตัวคุณเองต้องการความคุ้มครองจากประกันรถยนต์มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากต้องการประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งหมด โดยสามารถสบายใจได้ว่า เมื่อใช้รถใช้ถนนหากเกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ ก็สามารถเบิกจ่ายได้ทั้งหมด ประกันรถยนต์ชั้น 1 ย่อมตอบโจทย์ที่สุด
ดังที่กล่าวเอาไว้ว่า ประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2 นั้น มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน จึงไม่ใช่เรื่องผิดที่จะเลือกซื้อประกันรถยนต์ตัวใดตัวหนึ่ง เพียงแค่ควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ หากสนใจประกันรถยนต์ที่หลากหลายและครอบคลุมในทุกความคุ้มครอง สอบถามและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิก