ทำอย่างไรเมื่อแบตรถยนต์หมดกะทันหัน

จำนวนผู้เข้าชม : 198

             

 

 

แบตรถยนต์หมดกะทันหัน ต้องทำอย่างไร?

แบตรถยนต์หมดกะทันหัน ต้องทำอย่างไร?

             แบตเตอรี่คือส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ โดยทุกคันจะต้องมีการติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้เพื่อช่วยกักเก็บประจุไฟฟ้าเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ตรถ การใช้งานไฟส่องสว่าง สัญญาณไฟบนหน้าปัด และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้า แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เหมือนกันหากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ และมากไปกว่านั้นคุณอาจจะต้องพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่าง “แบตรถยนต์หมด” ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจทำให้คุณต้องเสียเวลาได้ วันนี้ TIPINSURE จะมาช่วยคุณคลายความกังวลใจด้วยวิธีรับมือหากแบตรถยนต์หมดกลางทางสตาร์ตรถไม่ติด พร้อมอธิบายถึงสัญญาณเตือนถึงอาการเสื่อมสภาพ และสาเหตุใดบ้างที่เป็นตัวกระตุ้นให้แบตหมด

 

วิธีแก้เมื่อแบตรถยนต์หมด สตาร์ตไม่ติด

             เมื่อแบตรถยนต์หมดจะมีวิธีแก้ไขอยู่ไม่กี่อย่างก็คือต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ซึ่งจะสามารถทำได้อย่างสะดวกในกรณีที่รถยนต์ของคุณจอดอยู่ในที่ปลอดภัย หรืออาจจะรู้จักกับอู่และศูนย์บริการรถยนต์ที่อยู่แถวนั้นพอดีซึ่งพวกเขาจะทำการชาร์จไฟแบตเตอรี่ลูกใหม่มาเปลี่ยนให้คุณได้ทันที แต่สำหรับใครที่เจอเหตุการณ์แบตรถยนต์หมดแบบกะทันหันในสถานที่ที่คุณไม่คุ้นชิน คุณอาจจะต้องใช้วิธีขอจั้มแบตเตอรี่หรือพ่วงแบตเตอรี่จากรถยนต์คันอื่นๆ โดยมีวิธีการจั้มแบตเตอรี่รถยนต์ดังนี้

 

ขั้นตอนการจั้มแบตเตอรี่ อย่างปลอดภัย

ขั้นตอนการจั้มแบตเตอรี่

  1. คุณต้องมีสายจั้มแบตสำหรับพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะลักษณะเป็นสายไฟเส้นหนาและใหญ่ทั้งหมด 2 คู่กัน มีสายสีแดงที่เป็นขั้วประจุบวกและสายสีดำ (หรือสีเขียว) เป็นขั้วประจุลบ ยิ่งมีสายยาวก็จะสามารถพ่วงได้สะดวกมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะห่างในการจอดรถเทียบกัน โดยตำแหน่งที่เหมาะสมคือควรจอดรถทั้ง 2 คันหันหน้าเข้าหากัน

  2. ก่อนทำการพ่วงแบตเตอรี่ให้ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถยนต์ทั้ง 2 คันให้หมดก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟส่องสว่าง เครื่องเสียง แอร์ และดับเครื่องให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประกายไฟในขณะที่มีการจั้มแบตเตอรี่

  3. เริ่มทำการพ่วงสายจั้มแบตเตอรี่ระหว่างรถยนต์คันที่สมบูรณ์และรถยนต์คันที่แบตหมด โดยนำสายพ่วงสีแดงต่อเข้ากับขั้วบวกของแบตรถยนต์ที่หมดและนำปลายสายอีกด้านต่อกันขั้วบวกของแบตรถยนต์อีกคัน ส่วนสายสีดำให้พ่วงกับขั้วลบของแบตรถยนต์คันที่สมบูรณ์และปลายสายอีกด้านให้หนีบส่วนที่เป็นโลหะของแบตเตอรี่ จากนั้นให้ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 นาที

  4. สตาร์ตเครื่องยนต์หลังจากที่พ่วงสายเรียบร้อย โดยเริ่มสตาร์ตจากรถคันที่สมบูรณ์ก่อนประมาณ 3-5 นาที เร่งเครื่องเล็กน้อยเป็นระยะ จากนั้นจึงค่อยสตาร์ตรถยนต์คันที่แบตหมดและค่อยๆ เร่งเครื่องเบาๆ ทิ้งไว้ให้เครื่องทำงานประมาณ 1-2 นาที

             เมื่อแบตรถยนต์ที่หมดเริ่มทำงานได้แล้วให้นำสายสีดำขั้วลบจากคันที่หมดออกก่อน และค่อยถอดของคันที่สมบูรณ์ออกพร้อมถอดสายสีแดงขั้วบวก จากนั้นก็ให้ถอดปลายอีกด้านจากรถยนต์คันที่แบตหมดด้วยเช่นกัน

 

ข้อควรระวังในการจั้มแบตเตอรี่

เทคนิคเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์

  1. ห้ามสตาร์ตรถยนต์ทั้ง 2 คันพร้อมกันเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดประกายไฟอันตรายและเสี่ยงต่อการระเบิดได้

  2. ขณะที่ทำการพ่วงแบตเตอรี่ห้ามสูบบุหรี่หรือจุดไฟเด็ดขาด เพราะจะแก๊สออกมาในบริเวณที่มีการพ่วงแบตรถยนต์อาทำให้เกิดการระเบิดได้

  3. ห้ามให้ขั้วของสายจั้มแบตแตะกันเด็ดขาดเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

สัญญาณเตือนแบตรถยนต์หมด

             หากไฟแบตเตอรี่รถยนต์ใกล้จะหมดหรือมีปัญหาการเสื่อมสภาพคุณสามารถสังเกตได้จากอาการผิดปกติ จากสัญญาณเตือนในรูปแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. สตาร์ตติดยากตั้งแต่ตอนเช้ารวมไปถึงหลังจากที่จอดรถไว้แค่ชั่วคราว

  2. จอดรถยนต์ทิ้งไว้หลายวัน (ประมาณ 3-5 วัน) แล้วสตาร์ตติดยาก อาการนี้อาจมีสาเหตุอื่นๆ จากการทำงานของระบบไฟฟ้าร่วมด้วยควรได้รับการตรวจเช็กโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

             มีสัญญาณไฟรูปแบตเตอรี่ขึ้นเตือนบนหน้าปัด อาจมีสาเหตุมาจากแบตรถยนต์หมดหรือระบบไฟฟ้าทำงานไม่ปกติ

 

เทคนิคเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์

             สำหรับใครที่ไม่อยากให้รถยนต์แบตหมดไปเลยดื้อๆ TIPINSURE ขอแนะนำให้คุณได้เรียนรู้การเช็กสภาพแบตเตอรี่เบื้องต้นเอาไว้ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางเป็นประจำและช่วยให้คุณรู้ทันถึงปัญหาก่อนสายเกินแก้ โดยสามารถเช็ก 3 วิธีดังนี้

  • ให้เทียบอายุของแบตเตอรี่หากมีอายุครบ 1 ปีแล้ว แนะนำให้นำไปเช็กระบบการทำงานกับช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ

  • สำหรับแบตเตอรี่ที่ต้องใช้น้ำกลั่นจะมีวิธีเช็กที่ต่างกัน โดยแบตเตอรี่ชนิดน้ำต้องคอยเดิมน้ำกลั่นทุกเดือน ส่วนแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแห้งให้เช็กระดับน้ำกลับทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ

  • เช็กสีตาแมวบนฝาแบตเตอรี่ โดยคุณสามารถเทียบสถานะของสีได้จากสติกเกอร์ที่มีคำอธิบายบนตัวแบตเตอรี่ได้เลย

             อีกสิ่งที่อยากแนะนำสำหรับผู้ใช้รถยนต์ทุกคันคือการพกสายจั้มแบตเตอรี่รถยนต์เก็บเอาไว้ในยามฉุกเฉิน เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ถือว่าช่วยให้คุณเอาตัวรอดจากสถานการณ์ขับขั้นอย่างแบตรถยนต์หมดไปได้ในระยะหนึ่ง โดยตามท้องตลาดมีราคาให้เลือกตั้งแต่ 100-500 กว่าบาท ตามความยาวและการรับประจุไฟฟ้า

 

สาเหตุที่ทำให้รถยนต์ของคุณแบตหมด

             อาการแบตรถยนต์หมดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจจะมาจากทั้งพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่รู้ตัว และมาจากการเสื่อมสภาพของระบบไฟฟ้าส่วนต่างจึงทำให้รถยนต์สตาร์ตติดยาก โดยมีปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. เปิดใช้งานไฟหน้าและไฟภายในห้องโดยสารทิ้งไว้

             ปัจจัยแรกหลายๆ คนอาจเคยเผลอเปิดไฟหน้ารถยนต์และไฟภายในห้องโดยสายทิ้งเอาไว้แล้วลืมปิด ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้แบตรถยนต์หมดได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน เพราะระบบไฟส่องสว่างทั้งหมดรับกระแสไฟฟ้าโดยตรงมาจากแบตเตอรี่ หากไม่มีการปิดก็จะมีการป้อนไฟฟ้ามาให้เรื่อยๆ จนหมดโดยที่ตัวแบตไม่ได้รับการชาร์จเหมือนกับตอนที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่นั่นเอง

2. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

             อายุของแบตเตอรี่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4-5 ปี หากรถยนต์ของคุณใช้งานแบตเตอรี่ที่มีอายุมากเกินพิกัดไปเรื่อยๆ จะส่งผลเสียต่อระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นอย่างมาก ทั้งการสตาร์ตติดยาก ระบบไฟฟ้าทำงานไม่สมบูรณ์ และอาจทำให้รถยนต์ของคุณสตาร์ตไม่ติดจนกว่าจะได้แบตลูกใหม่

3. ระบบไฟฟ้ามีการรั่วไหล

             ปัญหาเรื่องของระบบไฟฟ้ารั่วไหลถือเป็นอีกปัญหาสามารถสังเกตเองได้ยาก นั่นเป็นเพราะแบตเตอรี่มีการจ่ายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าที่รั่วไหลอยู่ตลอดเวลาอย่างช้าๆ แม้ว่าเครื่องยนต์จะดับอยู่ก็ตามรู้ตัวอีกทีแบตรถยนต์ก็อาจจะหมดไปแล้ว

4. สภาพอากาศหนาวและร้อนจัด

             สภาพอากาศถือเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อตัวแบตเตอรี่โดยตรง ทั้งสภาพอากาศที่สูงจัดมากกว่า 100 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำติดลบมากๆ ประกอบกับการจอดรถยนต์ทิ้งเอาไว้ในสภาพอากาศเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการสะสมของธาตุซัลเฟต ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

5. ระบบชาร์จมีปัญหา

             สุดท้ายเป็นเรื่องของระบบชาร์จไฟภายในแบตเตอรี่ที่มีปัญหา ส่งผลทำให้ประจุไฟฟ้ารั่วไหลไปอย่างช้าๆ จนส่งผลกระทบไปยังไดชาร์จไม่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

 

แบตรถยนต์หมด เรียกประกันได้ไหม?

แบตรถยนต์หมด เรียกประกันได้ไหม?

             โดยปกติแล้วเมื่อเกิดกรณีแบตรถยนต์หมดจะสามารถเรียกประกันมาช่วยได้เฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น การยกรถยนต์ (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หรือช่วยประสานงานขอความช่วยเหลือจากอู่ต่างๆ แต่จะไม่สามารถเคลมประกันได้เพราะไม่ถือเป็นความเสียหายจากอุบัติเหตุเป็นเพียงความเสื่อมสภาพจากการใช้งานเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่แบตเตอรี่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุด้วยนั่นเอง

 

สรุปเกี่ยวกับการรับมือเมื่อแบตรถยนต์หมดกะทันหัน

             ไม่ว่ารถยนต์ประเภทไหนๆ แบตเตอรี่ก็คือเป็นส่วนสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบไฟฟ้าส่วนไหนๆ หรือแม้กระทั่งการสตาร์ตรถก็ต้องได้รับการป้อนประจุไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่อยู่เสมอ ดังนั้นการหมั่นเช็กสภาพรถยนต์เป็นประจำก่อนเริ่มใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และแน่นอนการเช็กสภาพตาแมวบนแบตเตอรี่ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเช็กสถานะ เพื่อป้องกันแบตรถยนต์หมดโดยที่คุณไม่รู้ตัวและช่วยคุณรับมือได้ว่าควรทำอย่างไรกับแบตเตอรี่ลูกนี้

             สำหรับใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำทุกวัน การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้นอื่นๆ ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น TIPINSURE พร้อมให้บริการกับกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ หมดห่วงเรื่องค่าซ่อมและค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ปรึกษาและซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับ TIPINSURE คลิกเลย