มือใหม่ต้องรู้ ระบบเบรกรถยนต์มีกี่แบบ เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ

จำนวนผู้เข้าชม : 24
Tag:

ทำความเข้าใจเบรกรถยนต์มีทั้งหมดกี่ประเภท

สำหรับคนใช้รถมือใหม่ ความรู้และความเข้าใจในระบบเบรกรถยนต์ถือว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเบรกรถยนต์แต่ละประเภทจะมีการใช้งานและข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกัน และด้วยระบบเบรกรถยนต์มีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก ผู้ใช้งานจึงต้องมีความเข้าใจการใช้งานของระบบเบรกรถยนต์เป็นอย่างดี เพราะหากไม่มีความรู้เลยใช้งานเกียร์ไม่เป็น อาจทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
ใครที่เป็นมือใหม่หัดขับ และยังไม่เข้าใจในระบบเบรกรถยนต์ที่ดีพอ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระบบเบรกรถยนต์มาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เบรกรถยนต์สำคัญยังไงต่อการขับขี่ ? เบรกรถยนต์มีกี่ประเภท ? ดรัมเบรกกับดิสก์เบรก ต่างกันยังไง ? วิธีดูแลรักษาเบรกรถยนต์ให้ปลอดภัยพร้อมใช้งาน มีอะไรบ้าง ? ถ้าพร้อมแล้วไปไปทำความเข้าใจพร้อมกันได้เลย

เบรกรถยนต์สำคัญยังไงต่อการขับขี่

ระบบเบรกรถยนต์มีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะระบบเบรกรถยนต์มีหน้าที่ในการควบคุมรถให้สามารถชะลอความเร็วลง ช่วยให้ผู้ขับขี่หยุดรถหรือชะลอรถได้อย่างปลอดภัย หากระบบเบรกรถยนต์เกิดความเสียหาย ทำงานขัดข้อง ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเบรกรถได้ ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุ ถึงขั้นเสียชีวิตและทรัพย์สินได้

เบรกรถยนต์มีกี่ประเภท ?


ปัจจุบันระบบเบรกรถยนต์มีด้วยกัน 2 ประเภท ซึ่งจะมีหลักการทำงาน การใช้งาน รูปลักษณ์ภายนอก รวมถึงข้อดี ข้อเสียต่างกันดังนี้

ดิสก์เบรก (Disc Brake)


ดิสก์เบรก (Disc Brake) เป็นระบบเบรกรถยนต์ที่นิยมใช้กันมากขึ้น พบได้ในรถรุ่นใหม่ ๆ เช่น รถยนต์ รถกระบะรุ่นใหม่ หรือรถสมรรถนะสูง ส่วนใหญ่จะได้รับการติดตั้งอยู่บริเวณสองล้อหน้า มีลักษณะกลมแบนคล้ายจานดิสก์ ทำมาจากวัสดุหลายชนิด เช่น เหล็กหล่อ และวัสดุผสม รวมถึงมีทั้งแบบมีร่องระบายความร้อน และไม่มีร่องระบายความร้อน
ระบบการทำงานดิสก์เบรก  เมื่อผู้ใช้งานเหยียบเบรก ระบบเบรกจะดันผ้าเบรกให้สัมผัสกับจานเบรกของล้อรถเพื่อทำให้รถชะลอความเร็วลง และหยุดได้ในที่สุด มักใช้ดิสก์เบรกกับล้อหน้า หรือรถยนต์บางรุ่นจะใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ 


ข้อดีของดิสก์เบรก

  • เป็นระบบเบรกรถยนต์ที่สามารถตอบสนองต่อการหยุดรถได้ดีและรวดเร็ว
  • มีการระบายความร้อนและระบายน้ำได้ดี
  • ระยะห่างผ้าเบรกมีการปรับตั้งได้เอง ทำให้ประสิทธิภาพดีเท่ากันในทุกล้อ
  • บำรุงรักษาง่าย มีความสวยงาม 
  • ลดโอกาสการเกิดเฟด เมื่อผ้าเบรกทำงานขัดข้องจะมีการเพิ่มแรงเสียดทานกับพื้นถนน ทำให้รถชะลอความเร็วลง

ข้อเสียของดิสก์เบรก

  • กำลังในการหยุดรถน้อยกว่าระบบดรัมเบรก ไม่เหมาะกับรถบรรทุกหนัก
  • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง เพราะใช้ต้นการผลิตทุนสูง
  • ผ้าเบรกหมดไว ต้องมีการเปลี่ยนผ้าเบรกบ่อย ๆ
  • ใช้แรงเหยียบเบรกมากกว่าระบบดรัมเบรก
  • จานเบรกจะติดตั้งอยู่ภายนอกจะทำให้สัมผัสกับความชื้น น้ำ และฝุ่นผง ทำให้เสื่อมไว
  • บิดตัวได้ง่าย เมื่อต้องเจอกับน้ำในขณะมีความร้อน

ดรัมเบรก (Drum Brake)


ดรัมเบรก (Drum Brake) เป็นระบบเบรกรถยนต์แบบไฮดรอลิก ซึ่งถือว่าเป็นระบบเบรกในยุคแรก ๆ ที่ได้มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ดรัมเบรกจะถูกติดตั้งกับลูกล้อ ระบบการทำงานของดรัมเบรกนั้นจะใช้หลักการของแรงผลัก เพื่อทำให้ล้อรถเกิดแรงเฉื่อยจนรถหยุด 
ภายในตัวดรัมเบรกจะมีผ้าเบรกที่มีรูปร่างโค้งสองอัน เรียกว่า ฝักนำและฝักตาม เมื่อผู้ใช้งานเหยียบเบรก ผ้าเบรกจะถูกแม่ปั๊มดันให้ไปติดกับด้านในของฝาครอบเบรก (Drum) ซึ่งฝาครอบเบรกจะยืดติดกับล้อรถอีกที เพื่อทำให้ความเร็วของรถค่อย ๆ ชะลอลงจนหยุดอยู่กับที่


ข้อดีของดรัมเบรก

  • ช่วยเพิ่มแรงจับประกบกับฝาครอบเบรกได้อัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องใช้แรงเหยียบเบรกมาก
  • มีความสามารถในการหยุดรถได้เร็ว เพราะก้ามเบรกและดรัมเบรกถูกติดตั้งกับลูกล้อ เหมาะกับรถที่ใช้บรรทุกของหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถกระบะ หรือรถยนต์บางรุ่น 

ข้อเสียของดรัมเบรก

  • มีความร้อนสะสมสูง เกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกในดรัมเบรก ทำให้มีการถ่ายเทความร้อนได้ยาก มีผลให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลงเมื่อขึ้นลงทางลาดชัน
  • เป็นระบบเบรกรถยนต์แบบปิด จึงระบายน้ำได้ไม่ค่อยดีเท่าชุดดิสก์เบรก และดูแลรักษายาก

วิธีดูแลรักษาเบรกรถยนต์ให้ปลอดภัยพร้อมใช้งาน

  • ผู้ใช้งานควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ทุก ๆ 25,000 กิโลเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเบรกรถยนต์เกิดสนิม และเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อลื่น
  • เช็กผ้าเบรกและจานเบรกอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจมีเศษหิน ดิน ทรายติดอยู่ ซึ่งอาจทำให้จานเบรกเป็นรอยได้ หรือหากเป็นระบบดรัมเบรก ควรเช็กระยะห่างของผ้าเบรกด้วย ควรจัดตั้งให้ระยะผ้าเบรกชิดขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
  • ควรตรวจเช็กท่อหรือสายต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบเบรกรถยนต์  โดยนำไปให้ช่างเช็กดูว่าสายยังนิ่ม หรือเสียรูป แตกร้าวหรือไม่ เพราะหากสายต่าง ๆ แข็งกระด้าง เวลาใช้งานน้ำมันเบรกอาจจะซึมออกทำให้รถเบรกแตกได้
  • มีการล้างและเปลี่ยนชุดซ่อมเบรกอย่างน้อย 4 ปี/ครั้ง เช่น ลูกยางแม่ปั๊มเบรก ลูกยางลูกสูบเบรก และยางกันฝุ่น เพื่อป้องกันลูกสูบเบรกเกิดสนิมจากการขับรถลุยน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเบรกติด หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมได้

สรุปบทความ


ระบบเบรกรถยนต์มีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมากโดยเฉพาะด้านความปลอดภัย ดังนั้นผู้ขับขี่ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจการใช้งานเบรกแต่ละชนิดให้ดี และควรหมั่นตรวจเช็ก ดูแลรักษาเบรกรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ แต่หากใครที่มีความกังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบนี้ เราแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่เหมาะกับมือใหม่หัดขับ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เราพร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงการเดินทาง