3 ข้อแตกต่าง ประกันประเภท 3 vs ประกันชั้น 3 พลัส เคลียร์ให้ชัดก่อนตัดสินใจเลือก

จำนวนผู้เข้าชม : 1158

 

 3 ข้อแตกต่าง ประกันประเภท 3 vs ประกันชั้น 3 พลัส เคลียร์ให้ชัดก่อนตัดสินใจเลือก 

 

                ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถยนต์ เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่งที่คนขับรถต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าซ่อมบำรุง พ.ร.บ. รถยนต์ การเสียภาษีรถยนต์ และต่อทะเบียนรถ ที่จำเป็นจะต้องจ่ายทุกปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่พอจะแบ่งเบาลงได้ก็มีแต่ประกันรถยนต์ ยิ่งหากเป็นคนที่ค่อนข้างชำนาญในเรื่องการขับรถก็มักจะเลือกทำประกันรถยนต์ที่มีราคาย่อมเยามากที่สุด นั่นก็คือ ประกันประเภท 3 แต่เพราะในปัจจุบันแผนประกันรถยนต์ประเภท 3 มีความคุ้มครองเพิ่มเติม และใช้ชื่อว่า ประกันชั้น 3 พลัส เลยทำให้หลายคนอาจเกิดความสับสนว่า ประกันรถยนต์ทั้ง 2 แบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรจะเลือกอย่างไรเพื่อให้ตัวเองได้ความคุ้มค่ามากที่สุด โดยไม่ต้องมานั่งเสียดายเงินทีหลัง

                วันนี้ TIPINSURE มี 3 ข้อแตกต่าง ของประกัน ประเภท 3 และประกัน 3 พลัส มาฝาก เพื่อเป็นความรู้ให้กับคนที่สนใจอยากทำประกันประเภท 3 ได้มีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น

1. ประกันประเภท 3 ไม่มีความคุ้มครองต่อรถยนต์ที่เอาประกัน

                ความคุ้มครองต่อรถที่เอาประกันเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างประกันประเภท 3 และ ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส เนื่องจากประกันประเภท 3 จะไม่คุ้มครองรถที่ทำประกัน และให้ความคุ้มครองกับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเท่านั้น ต่างจากประกันรถยนต์ ประเภท 3 พลัส ที่จะมีความคุ้มครองในส่วนของรถยนต์ด้วย แต่จะคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับพาหนะทางบก และมีคู่กรณีเท่านั้น

2. ประกันประเภท 3 พลัส มีความหลากหลายของแผนประกันมากกว่า

                ด้วยความที่ประกันประเภท 3 เป็นประกันรถยนต์ภาคสมัครใจที่มีราคาถูกที่สุด ดังนั้นจึงมีแผนประกันเพียงแบบเดียว คือประกันแบบระยะเวลา 1 ปี แต่สำหรับประกันรถยนต์ 3 พลัส จะมีแผนประกันแบบระยะสั้นเพิ่มขึ้นมาด้วยเพื่อให้ผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์บ่อยนักได้ซื้อประกันคุ้มครองรถในกรณีจำเป็นต้องใช้รถเพื่อเดินทางจริง ๆ

3. ประกันประเภท 3 พลัส  และ 3 พลัสไม่ความคุ้มครองในกรณีเกิดน้ำท่วม

                ถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงกับปัญหาน้ำท่วมแล้วล่ะก็ การทำประกันประเภท 3 และ 3 พลัส ถือเป็นประกันที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันชั้นอื่น ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าก็เพื่อเพิ่มให้ความคุ้มครองครอบคลุมไปยังความเสี่ยงหายจากน้ำท่วมได้ จึงเหมาะกับคนที่ไม่กลัวเรื่องน้ำท่วม และไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม

                จะเห็นได้ว่า ประกันรถยนต์ทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันในเรื่องของความคุ้มครองที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้หากคิดจะเลือกซื้อประกันรถยนต์ ก็ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า และทำให้คุณอุ่นใจได้ตลอดเส้นทางที่ขับขี่ โดยปัจจัยที่ควรหยิบมาใช้ในการพิจารณาว่าจะซื้อประกันแบบไหนดี มีดังต่อไปนี้

  • ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ว่าคุณเป็นคนที่ใช้รถบ่อยแค่ไหน มีประสบการณ์ในการขับขี่รถมานานหรือไม่ มีวินัยในการขับขี่รถมากพอที่จะวางใจได้ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีได้หรือเปล่า
  • อายุรถที่ทำประกัน อายุของรถยนต์ที่จะทำประกันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกประเภทของประกันได้ง่ายขึ้น โดยถ้าหากยังเป็นรถใหม่ อายุไม่เกิน 7 ส่วนใหญ่แล้วการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าหากเป็นรถที่ซื้อมาหลายปีแต่ไม่เกิน 15 ปี และมีการใช้รถมาอย่างโชกโชน จนรู้ว่ารถยนต์เหมาะกับประกันแบบไหมมากที่สุด และต้องการจะหาเกราะป้องกัน และเสริมความอุ่นใจในการขับขี่รถ ก็สามารถเลือกประกันรถยนต์แผนที่เหมาะกับรถที่ทำ ซึ่งถ้ารถอายุไม่เกิน 15 ปี ก็สามารถทำประกันได้ทั้ง ชั้น 2, 2+ ประกัน ประเภท 3 และ 3 พลัสเลยทีเดียว
  • บริษัทที่ซื้อประกัน การซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทที่มีชื่อเสียงดี นอกจากจะการันตีได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมแล้ว ก็ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะได้รับการดูแล และความช่วยเหลืออย่างดี
  • บริการหลังการขาย ข้อนี้อาจจะต้องพึ่งพาผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการซื้อประกันรถยนต์ในแผนนั้น ๆ ซึ่งสามารถหารีวิวการใช้ประกันรถยนต์ชั้นแบบต่าง ๆ ได้จากในอินเตอร์เน็ต หรือไม่ก็เป็นคนใกล้ตัว ควรสอบถามว่าบริการหลังการขายของบริษัทประกันที่สนใจนั้นดีหรือไม่ เคลมยากหรือไม่ และเมื่อเกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่สำรวจภัยเข้าถึงที่เกิดเหตุได้อย่างทันท่วงทีหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้คุณคลายความกังวลได้มากเมื่อเกิดภัย

                และถ้าหากคุณตัดสินใจได้แล้วว่าประกันรถยนต์แบบใดเหมาะกับคุณมากที่สุด และกำลังมองหาบริษัทประกันภัยดี ๆ ที่ ก็ขอแนะนำให้มาที่ ทิพยประกันภัย เพราะที่ TIPINSURE เรามีประกันประเภท 3 และประกันชั้น 3 พลัส ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมตามที่ระบุในกรมธรรม์ อีกทั้งเรายังมีการดูแลหลังการขายด้วยทีมสำรวจภัย TIP SMART ASSIST ซึ่งจะเป็นผู้ช่วยให้คุณในยามเกิดเหตุภัย ซึ่งพร้อมเข้าถึงที่เกิดเหตุหลังจากได้รับการแจ้งเหตุภายใน 30 นาที เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ และคู่กรณี และมีจิตอาสาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยไม่แบ่งแยกว่าผู้ประสบภัยจะทำประกันรถยนต์แผนไหน เพื่อผู้เกิดเหตุคลายความรู้สึกกังวลในวันที่เกิดภัย

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะประกันประเภท 3 และประกัน 3 พลัสที่ TIPINSURE ยังมีราคาเริ่มต้นที่ถูกแสนถูก โดยประกันประเภท 3 เริ่มต้นที่ 1,899 บาท คลิก ส่วนประกันรถยนต์ 3 พลัส เริ่มต้นที่ 5,399 บาท คลิก สนใจทำประกันรถยนต์อย่างรอช้า ที่ TIPINSURE.com

 

บทความที่เกี่ยวข้อง