พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร มีไว้เพื่อต่อภาษีประจำปีเท่านั้นหรือ

จำนวนผู้เข้าชม : 1338

 

พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร มีไว้เพื่อต่อภาษีประจำปีเท่านั้นหรือ

 

                 คำว่า "พ.ร.บ. รถยนต์" ที่เราพูดกันติดปาก ที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่ เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า?

                 "พ.ร.บ. รถยนต์" คือ การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ซึ่งกฏหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกัน พ.ร.บ. รถ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่กฎหมายกำหนดให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ต้องทำประกันภัยประเภทนี้เพื่อให้ความคุ้มครองกับตัวบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งกฎหมายจะให้ความคุ้มครองต่อตัวคู่กรณีและผู้เอาประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามที่กฎหมายกำหนด

                 เคยสงสัยกันไหมว่า "ถ้าไม่มี พ.ร.บ. รถได้ไหม?"

                 คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะต้องใช้ประกอบการต่อทะเบียนรถยนต์ หรือ การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ตามที่กฏหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำ โดยสามารถต่อภาษีรถยนต์ก่อนล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน

                 และหากรถยนต์ของเราไม่มี พ.ร.บ. จะได้มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และเจ้าของรถต้องเก็บรักษาหลักฐานการมีประกันนี้ไว้พร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกเวลาที่ใช้รถยนต์ด้วย

                 แต่บางคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วเราจะได้อะไรจากการซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ บ้าง?

                 พ.ร.บ. รถยนต์ ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายอื่นใดทั้งสิ้น หรือก็คือ คุ้มครอง "คน" ไม่คุ้มครอง "รถ" นั่นเอง  โดยมีวงเงินคุ้มครอง ดังนี้

   1. ค่ารักษาพยาบาล  ไม่เกิน 80,000 บาท ต่อคน

   2. กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร  ไม่เกิน 500,000 บาท ต่อคน

   3. เงินชดเชยรายวัน (ผู้ป่วยใน)  ไม่เกิน 200 บาท ต่อวัน (ระยะเวลารวมไม่เกิน 20 วัน)

   4. วงเงินความคุ้มครองต่อครั้ง  ไม่เกิน 5,000,000 บาท

                 ในส่วนของการเคลม หากถามว่ายุ่งยากหรือไม่ บอกเลยว่าเคลมง่าย เซฟขั้นตอนต่อไปนี้ไว้ได้เลยจะได้ไม่พลาด ขั้นตอนการเคลม พ.ร.บ. รถ จะมีด้วยกัน 3 ข้อหลัก คือ

   1. แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน

   2. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (เมื่อการรักษาเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมขอเอกสารจากโรงพยาบาลด้วยนะ)

       2.1 ใบรับรองแพทย์

       2.2 ใบเสร็จรับเงิน

   3. นำส่งเอกสารต่อบริษัท ประกันภัยที่ซื้อ พ.ร.บ. เพื่อขอเบิกค่ารักษาพยาบาล ดังนี้

       3.1 บันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

       3.2 ใบรับรองแพทย์

       3.3 ใบเสร็จรับเงิน

       3.4 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

                 อย่าลืมความสำคัญของ พ.ร.บ. รถยนต์ ไม่ใช่เพียงแค่มีไว้เพื่อต่อภาษีประจำปีอย่างที่เคยเข้าใจ หากใครยังไม่มี สามารถซื้อ พ.ร.บ. ออนไลน์ได้แล้ววันนี้ แค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ผ่าน TIPINSURE สะดวกง่าย ซื้อเสร็จแล้วจะได้รับกรมธรรม์ทันทีทางอีเมล ราคาเริ่มต้นเพียง 569 บาทเท่านั้น คลิก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง