รถ PHEV กับรถ Hybrid ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่ากัน

จำนวนผู้เข้าชม : 821
Tag:

ก่อนซื้อต้องดู รถยนต์ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร ?

รถยนต์ไฮบริดในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งไฮบริดธรรมดาและ PHEV โดยทั้งสองแบบมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีรถไฮบริด กับรถปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งอาจทำผู้ที่สนใจรถยนต์ระบบดังกล่าวเกิดความลังเลว่าจะเลือกซื้อแบบไหนดี เพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยรถยนต์ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร ?
มีจุดเด่นจุดด้อยยังไงบ้าง ? รถยนต์ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่า ? ไปทำความเข้าใจพร้อมกันได้เลย

รถยนต์ PHEV คืออะไร ?

รถยนต์ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน (Plug-in) คือรถยนต์ที่ได้มีการต่อยอดมาจากรถยนต์ Hybrid แล้ว PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร ? สิ่งที่ต่างออกมา คือ รถยนต์ PHEV มีการเพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่ตัวแบตเตอรี่ของรถได้โดยตรงจากการชาร์จไฟบ้านหรือตามหัวจ่ายที่มีให้บริการ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินสามารถใช้พลังงานพร้อมกันจาก 2 แหล่งได้ คือ ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานมอเตอร์ไฟฟ้า ร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 

ข้อดีของรถยนต์ PHEV

 

  • มีกำลังขับเคลื่อนแรงกว่ารถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ไฮบริด
  • ประหยัดน้ำมันกว่ารถทั่วไป 
  • ปล่อยมลพิษน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ผู้ขับขี่ก็สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้เองว่าต้องการใช้แหล่งพลังงานจากแหล่งไหน
  • หากแบตเตอรี่หมด ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ระบบขับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแทนได้ เพื่อเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง

ข้อเสียของรถยนต์ PHEV

 

  • มีราคาสูง รวมถึงมีค่าบำรุงรักษาที่มากกว่ากว่ารถไฮบริดทั่วไป 
  • ปัจจุบันสถานีชาร์จไฟยังมีไม่มาก และหากชาร์จไฟจากกระแสไฟบ้านบางรุ่นอาจใช้เวลานาน ซึ่งทำค่าไฟบ้านเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ
  • หากแบตเตอรี่เสื่อมจะเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมสูง

รถยนต์ Hybrid คืออะไร ?

รถยนต์ Hybrid (Hybrid Electric Vehicle หรือ HEV) คือ รถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 2 ระบบ คือเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และมอเตอร์ไฟฟ้าที่จ่ายไฟโดยแบตเตอรี่เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ แล้ว  PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร ? รถยนต์ Hybrid เป็นต้นแบบของรถยนต์ PHEV แต่รถไฮบริดไม่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้เหมือนกับรถยนต์ PHEV แต่จะใช้ระบบไฟฟ้าในการออกตัวรถและจากชะลอความเร็ว (Self-Charging)

ข้อดีของรถยนต์ Hybrid ทั่วไป

  • มีราคาถูก และมีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่ากว่ารถยนต์ PHEV
  • มีความสะดวกในการใช้งาน ไม่ต้องชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอก
  • ประหยัดน้ำมัน และปล่อยมลพิษต่ำ
  • มอเตอร์ไฟฟ้ามีอัตราเร่งเทียบเท่าเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุสูงกว่า

ข้อเสียของรถยนต์ Hybrid ทั่วไป

 

  • ไม่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้เหมือนกับรถยนต์ PHEV
  • มอเตอร์ไฟฟ้ายังให้พลังงานที่ไม่สูงมากนัก
  • มีระยะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าล้วนที่สั้นมาก ใช้แค่ตอนออกตัวรถและชะลอรถเท่านั้น

รถยนต์ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไรเลือกแบบไหนดีกว่า ?


 PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่า ? ในด้านความต่างที่เห็นได้ชัด คือ รถยนต์ PHEV จะเป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ที่ทำงานพร้อมกันได้ถึง 2 ระบบ คือ ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเบนซินหรือดีเซล ซึ่งแหล่งพลังงานไฟฟ้าจะมาจากการชาร์จไฟบ้านหรือตามหัวจ่ายที่มีให้บริการ 

ส่วนรถยนต์ Hybrid แม้จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อน 2 ระบบเหมือนกัน แต่รถยนต์ Hybrid จะไม่สามารถชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอกได้ จะมีการใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าก็ต่อเมื่อมีการออกตัวรถและชะลอความเร็วเท่านั้น ในด้านการประหยัดน้ำมัน ประหยัดพลังงาน หรือความแรงของเครื่องยนต์ รถยนต์ PHEV จะทำได้ดีกว่ารถยนต์ Hybrid แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการบำรุงรักษาที่แพงกว่าเช่นกัน

หากต้องให้เลือกระหว่างรถยนต์ PHEV กับ Hybrid เลือกแบบไหนดี ? อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานรถของแต่ละคน เพราะรถยนต์ PHEV กับ Hybrid จะมีความแตกต่างและข้อจำกัดที่เด่นชัดอยู่ ถ้าคุณมีงบประมาณที่ไม่สูงมาก หาแหล่งชาร์จไฟยาก เช่น พักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ หรือคอนโด ก็จะเหมาะกับรถยนต์ Hybrid มากกว่า แต่ถ้าคุณมีงบประมาณสูง และหาแหล่งชาร์จไฟฟ้าง่าย มีบ้านส่วนตัวที่สามารถชาร์จไฟรถปลั๊กอินไฮบริดได้สะดวก ก็จะเหมาะกับรถยนต์ PHEV

สรุปบทความ


รถยนต์ PHEV กับ Hybrid ต่างกันอย่างไรเลือกแบบไหนดีกว่า ? การเลือกรถไฮบริดหรือรถปลั๊กอินไฮบริดนั้น ไม่ได้ดูแค่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรดูจากความต้องการและการใช้งาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย  
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกรถไฮบริดหรือรถปลั๊กอินไฮบริด เราแนะนำให้คุณวางแผนทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไปด้วย เพราะหากรถเกิดปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุ อย่างน้อยเราก็มีประกันคอยช่วยเหลือ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยทีเดียว