จุดอับสายตา ขับรถต้องระวังเสี่ยงเกิดอันตราย
จำนวนผู้เข้าชม : 12
จุดอับสายตา ขับรถต้องระวังเสี่ยงเกิดอันตราย

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดขับ หรือนักขับมืออาชีพ สิ่งสำคัญของการขับรถยนต์บนท้องถนน คือ ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ เพราะการขับขี่จะมีจุดบอดหรือจุดอับสายตา ที่แต่ละคนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะการเปลี่ยนช่องทางขับรถหรือเข้าทางแยกก็ยิ่งมีความเสี่ยงมาก ทุกจุดอับสายตาขณะขับรถยนต์ที่ว่านี้ ล้วนแต่เสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุ
TIPINSURE มาแนะนำ 5 จุดอับสายตาบนถนนที่ต้องระวัง จะเป็นประโยชน์แค่ไหน ตามไปทำความเข้าใจพร้อมๆ กันเลย
1. เสาเอ หรือ A Pillar
เสาเอ เป็นเสาที่ใช้ติดตั้งกับกระจกคู่หน้าบริเวณด้านหน้าซ้ายและขวา มีไว้สำหรับค้ำกระจกบานหน้า และช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในห้องโดยสาร แต่ในขณะเดียวกันตำแหน่งนี้จะบดบังทัศนวิสัยจนเกิดเป็นจุดบอดที่สายตาคุณมองไม่เห็น เพราะด้วยความหนาของเสาทำให้ยากต่อการมองเห็นในระหว่างขับขี่ ทั้งจังหวะการเลี้ยวรถหรือกลับรถจะมองไม่เห็นสิ่งกีดขวางหรือรถที่ขับตามมาในมุมนั้น ซึ่งอันตรายมากๆ
ฉะนั้นทางแก้ลองปรับเบาะให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เอนหรือตั้งตรงมากจนเกินไป คอยหันมองข้ามหัวไหล่ ก็จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้
2. กระจกมองข้าง
กระจกมองข้างตัวช่วยให้คุณสามารถมองเห็นรถยนต์ที่อยู่ทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา แต่ก็ยังมีจุดอับสายตา คือจังหวะรถคันข้างๆ ที่ต้องการขึ้นมาตีคู่กับรถของคุณ จุดนี้เป็นจุดนอกรัศมีจากองศาการมองเห็นของกระจกที่คุณปรับไว้ แล้วยิ่งถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ยิ่งแทบจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว
ดังนั้นในการแก้ปัญหาให้คุณมองออกไปบนถนนอีกครั้ง หลังจากที่สังเกตกระจกมองข้างแล้วว่ารถโล่งสามารถเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวได้ เพื่อเป็นการเช็กความปลอดภัยอีกครั้ง และ ควรปรับกระจกมองข้างในองศาที่มองเห็นรถเพียง 1/3 ของกระจก มองเห็นพื้นถนน เส้นแบ่งเลน มีระดับการมองไม่สูงเกินไป และการปรับกระจกวิธีนี้คุณจะสามารถมองเห็นองศาของรถยนต์บนถนนที่ขับตีคู่มาข้างรถคุณได้
3. กระจกมองหลัง
มือใหม่หัดขับส่วนมากชอบมักมองข้ามกระจกหลัง จะโฟกัสแค่กระจกมองข้าง แต่รู้ไหมว่ากระจกทุกด้านล้วนสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจกมองหลังมีประโยชน์อย่างมาก เป็นตัวช่วยที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณเห็นรถยนต์ที่อยู่บริเวณด้านหลัง ในกรณีที่ต้องการแซง เปลี่ยนเลนหรือถอยหลัง แต่กระจกมองหลังก็มีจุดอับสายตาได้เช่นกัน
ในขณะที่คุณขับรถอยู่ในเลนกลาง แต่คุณไม่สังเกตว่าคันหลังมีท่าทีจะแซงเช่นกัน ทำให้ในขณะนั้นเกิดการแซงพร้อมกัน ก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ หรือถ้าคุณต้องการเปลี่ยนเลนก็เช่นเดียวกัน ถ้ามองแต่กระจกด้านข้างไม่ได้มองกระจกด้านหลัง แล้วรถคันหลังต้องการเปลี่ยนเลนเหมือนกัน ก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ รวมไปถึงการถอยรถ ถอยจอดเข้าซอง แล้วมองกระจกหลังไม่เห็น ก็สามารถถอยชนคันหลังได้
ฉะนั้นปรับกระจกมองหลังให้มองเห็นทั้งบาน และไม่ควรมีสิ่งของไปวางซ้อนเป็นเนินสูงที่บริเวณคอนโซลหลังรถจนบดบังทัศนวิสัยในการมองกระจกหลัง
4. ขับตามรถที่มีขนาดใหญ่
การที่คุณต้องขับตามรถบรรทุกหรือรถที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างรถบัส รถประจำทาง จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดน้อยลงมากๆ เพราะคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าทางข้างหน้ามีทางแยก ทางโค้ง มีรถสวนมา หรือไม่เห็นสถานการณ์ด้านหน้าเลยว่ามีเหตุการณ์อะไรหรือไม่ ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูง และยิ่งถ้ารถยนต์ของคุณมีขนาดเล็กมาก ไม่ควรเข้าใกล้รถขนาดใหญ่มาก เพราะเค้ามองไม่เห็นรถคุณแน่นอน
การขับรถตามหลังรถที่มีขนาดใหญ่ คุณควรเว้นระยะให้มากที่สุด อย่างน้อยประมาณ 10 เมตร หรือระยะ 2-3 ช่วงคัน เพื่อให้มีมุมในการมองเห็นเพิ่มขึ้น และหากมีโอกาสเหมาะก็ควรแซงหน้าขึ้นไปทันที แต่ไม่ควรแซงซ้ายเพราะถือเป็นจุดบอดของรถที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน
5. เส้นทางที่ไม่คุ้นชิน
จุดบอดบนถนน เช่นทางโค้ง หักศอก หรือเนินสูง เป็นช่วงมุมที่มีทัศนวิสัยที่ไม่ดีเอามากๆ และมีสถิติในการเกิดอุบัติเหตุสูง
แต่คุณสามารถป้องกันได้จากการสังเกตป้ายบอกทางหรือป้ายจราจรต่างๆ ใช้ความเร็วตามที่กฏหมายกำหนด เปิดไฟสูงหากมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า และเพื่อเป็นการส่งสัญญานเตือนให้รถที่ขับสวนมารู้ตำแหน่งรถยนต์ของคุณ สิ่งสำคัญควรตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ควรศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางในเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน
แต่ในปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบเตือนจุดอับสายตาทั้งในด้านข้างและด้านหลัง ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัยในการขับรถของคุณขึ้นอีกขั้น แต่อย่างไรสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทในการขับรถทุกครั้ง แต่ก็อย่าลืมซื้อประกันภัยรถยนต์ TIPINSURE ไว้เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณได้อุ่นใจในทุกการขับขี่ ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736